ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และผลการจับกุมคดีสำคัญในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อีก 5 คดี

ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และผลการจับกุมคดีสำคัญในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อีก 5 คดี

ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และผลการจับกุมคดีสำคัญในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อีก 5 คดี

การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า นายกรัฐมนตรี ขีดเส้น 30 วัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าปราบปรามกวาดจับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด บังคับใช้กฎหมายกับผู้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย อย่างเข้มข้น เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด และสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกกองบัญชาการ เพิ่มความเข้มในการสืบสวน จับกุม แหล่งเก็บ ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า และร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานศึกษา พร้อมให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายให้กับประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง หากมีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด
ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้กำชับและติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยในสังกัด ให้ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร.อย่างจริงจัง โดยตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 ถึง 9 มีนาคม พ ศ.2568 รวม 12 วัน
ตำรวจภูธรรภาค 1 จับกุมดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 145 คดี แบ่งเป็น
1 ) จับกุมรายใหญ่และรายสำคัญ (มูลค่าของกลางตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป หรือเป็นการกระทำในรูปแบบออนไลน์ หรือกระทำเป็นเครือข่าย) จำนวน 11 คดี ผู้ต้องหารวม 20 คน ได้ของกลาง บุหรี่ไฟฟ้าชนิดต่างๆ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด รวม 69,066 ชิ้น มูลค่าของกลาง 11,612,650 บาท
2 ) จับกุมรายย่อย จำนวน 134 คดี ผู้ต้องหา 137 คน ของกลาง 8,487 ชิ้ม มูลค่าของกลาง 3,035,350 บาท
ผลการจับกุมยาเสพติด และคดีเกี่ยวกับทรัพย์ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน 5 คดี ซึ่งเป็นคดีที่สามารถทำการจับกุมได้ ในห้วงวันที่ 7 – 9 มีนาคม พ.ศ.2568
[ คดีที่ 1 ] ตรวจยึดยาไอซ์ 520 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งแจ้งเบาะแสว่า ภายในโกดังไม่มีเลขที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี น่าสงสัยว่าจะมียาเสพติดชุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
ตำรวจภูธรภาค 1 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 และ พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา จัดกำลังของ สภ.ลำลูกกา, กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี, บก.สส.ภ.1 และ พฐ.จว.ปทุมธานี
เข้าตรวจสอบและตรวจค้นโกดังดังกล่าว
ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษ (ยาไอซ์) พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1 ) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 520 กิโลกรัม
2 ) ตู้แช่เย็น ยี่ห้อ THE FrezzeR ขนาด 154 กก. จำนวน 2 ตู้
3 ) ตู้แซ่เย็น ยี่ห้อ SANDEN ขนาด 135 กก. จำนวน 22 ตู้ กล่อง GPS สีดำ พร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 2 ชุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
[ คดีที่ 2 ] จับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในร้านกาแฟ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2568 เวลาประมาณ 11:00 น.ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.เมืองนทบุรี ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ลักทรัพย์เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไป ขณะวางไว้บนโต๊ะภายในร้านกาแฟสตาร์บัค ห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แล้วลุกเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ภายในร้าน โดยในคอมพิวเตอร์มีข้อมูลที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.ภ.1, กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ สภ.เมืองนนทบุรี จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตามหาคนร้ายและตรวจสอบจากล้องวงวงจรปิด ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2568 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาชื่อนายขรรค์ชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจับกุมได้ที่บริเวณร้านเกมส์ ตั้งอยู่ที่แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. และสามารถติดตามคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (ของกลาง) คืนได้ที่ร้านค้า ภายในตลาดนัดจตุจักร 2 เขตมีนบุรี กทม.ซึ่งผู้ต้องหานำมาขายไว้ในราคา 5,000 บาท
[ คดีที่ 3 ] จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ทุบกระจกรถยนต์ลักเงินสด 1.5 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2568 เวลาประมาณ 12:30 น.ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าขณะจอดรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ไว้ที่บริเวณลานจอดรถของห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยในรถมีเงินสด 1,500,000 บาท และได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ทุบกระจกรถยนต์แล้วลักเงินสดดังกล่าวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.1, กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ สภ.เมืองนนทบุรี จึงสืบสวนติดตามหาคนร้ายและตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2568 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา เป็นชายชาวต่างชาติ (สัญชาติฮังการี) จับกุมได้ที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1 ) รถจักรยานยนต์ Honda Wave 125 i สีขาว จำนวน 1 คัน
2 ) เงินสด จำนวน 187,850 บาท
3 ) โทรศัพท์ ยี่ห้อ ไอโฟน 7
เครื่องตัดสัญญาณกันขโมย flipper zero
จากการตรวจประวัติการเดินทางของผู้ต้องหา พบว่าเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2562 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และออกจากราชอาณาจักรไทยในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2562 ทาง จว.มุกดาหาร หลังจากนั้นไม่พบประวัติการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และจากการตรวจสอบหมายแดงจากอินเตอร์โพลไม่พบว่ามีหมายจับอื่น
[ คดีที่ 4 ] จับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2568 เวลาประมาณ 12:30 น.ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ว่า ขณะเดินอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7 – eleven ใกล้กับคอนโดพลัมอไลฟ์
ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์สีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ไม่ได้ จอดรถเดินเข้ามาบีบคอ ทำร้ายผู้เสียหาย โดยมีมีมีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนเป็นอาวุธ จากนั้นคนร้ายได้กระชาก
โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่น เอ 25 จำนวน 1 เครื่อง (ราคาประมาณ 13,000 บาท) ที่ผู้เสียหายถืออยู่ แล้วคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้ออกสืบสวนติดตามหาคนร้าย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในวันเดียวกัน (6 มี.ค.68) ชื่อนายคาเน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.นนทบุรี จับกุมได้ที่ริมถนนเลียบคลองหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1 ) โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง รุ่น เอ 25 จำนวนวน 1 เครื่อง (ของผู้เสียหาย)
2 ) รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 1 คัน
3 ) สิ่งเทียมอาวุธปืน จำนวน 1 กระบอก
4 ) แม็กกาชีนสิ่งเทียมอาวุธปืน จำนวน 1 อัน
[ คดีที่ 5 ] จับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ แล้วขับขี่ไปทำร้ายผู้อื่นด้วยอาวุธมีดบาดเจ็บสาหัส
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 เวลาประมาณ 18:30 น. สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายเหตุที่ 1 ว่า ขณะจอดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น Nกกax สีเทา ไว้ที่บริเวณถนนเลียบคลองสอง ปากซอยบงกช 16 หมู่ 4 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี และยืนรอเพื่อนอยู่ ได้มีคนร้าย
เป็นชายเดินเข้ามาหาและได้ใช้อาวุธมีดพยายามจะทำร้าย ผู้เสียหายจึงได้วิ่งหลบหนี แล้วคนร้ายได้ชิงทรัพย์ เอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายขับขี่หลบหนีไป
ต่อมาในวันเดียวกัน (7 มี.ค.68) เวลาประมาณ 19:30 น. สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งอีก 1 เหตุ เป็นเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า หน้าหมู่บ้านเกศรี 5 หมู่ 2 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธามี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวนหาข่าว และได้หลักฐานสำคัญจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในรถยนต์ของพลเมืองดี ทำให้ทราบว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธมีดแทง
ผู้เสียหายเหตุที่ 2 บาดเจ็บสาหัส เป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเหตุที่ 1 เนื่องจากคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเหตุที่ 1 ไปก่อเหตุแทงผู้เสียหายเหตุที่ 2 และจากการ
สืบสวนทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุนี้ คือ นายอิทธิพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.ปทุมธานี และในคืนวันเดียวกัน สามารถจับกุมนายอิทธิพร ได้ที่บริเวณหมู่ 4 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง
จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1 ) รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น Nกกax สีเทา จำนวน 1 คัน (มีคราบเลือดติดอยู่)
2 ) เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ (มีคราบเลือดติดอยู่)
3 ) อาวุธมีดสั้นปลายแหลม จำนวน 1 เล่ม (มีคราบเลือดติดอยู่)
อนึ่ง วันนี้ (11 มี.ค.68) เป็นวันคล้ายวันสถาปนาตำรวจภูธรภาค 1 ครบรอบปีที่ 49 ซึ่งมีการจัดพิธีเพื่อเป็นการรำลึกถึงการก่อตั้งหน่วยเพื่อทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง 9 จังหวัด รวมทั้งเพื่อเป็นการสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ท้ายนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ใคร่ขอประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ ในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้
1. ช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน และหากพบเห็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชน ขอให้แจ้งสายด่วน 191
2. ช่วยสอดส่องบริเวณรอบที่พักอาศัย ไม่ให้ใช้เป็นสถานที่พักคอยยาเสพติด เพื่อรอส่งต่อไปยังผู้ค้ารายอื่นๆ หากมีข้อมูลเบาะแส ขอให้แจ้งสายด่วน 191
3. ไม่ควรเก็บทรัพย์สินที่มีค่าไว้ภายในรถยนต์ที่จอดในสถานที่สาธารณะ รวมทั้งไม่ควรวางทรัพย์สินไว้ในที่สาธารณะโดยที่ไม่มีคนดูแลตลอดเวลา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า