บิ๊กหลวง รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.พร้อมบิ๊กจิ รรท.ผบช.ภ.1 แถลงผล “จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

บิ๊กหลวง รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.พร้อมบิ๊กจิ รรท.ผบช.ภ.1 แถลงผล “จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

บิ๊กหลวง รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.พร้อมบิ๊กจิ รรท.ผบช.ภ.1 แถลงผล “จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

เวลา 10:00 น.วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รรท.รอง ผบช.ภ.1, ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญฯ ปปส.ภ.1, พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ และ พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนยาเสพติด พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวนประมาณ 4,000,000 เม็ด
จากนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รอง ผบ.ตร. และ สำนักงาน ป.ป.ส. โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส.สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ
ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รรท.รอง ผบช.ภ.1, ร่วมกับ บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รรท.ผบช.ปส. พร้อมด้วย หน่วยข่าวกรองทางทหาร โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท., ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ, สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 โดยนายประสาร หยงสตาร์ ผอ.ป.ส.ภาค 1, ว่าที่ ร.ต.อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวซ้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด มีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 ได้จับกุม นายนนทวัฒน์หรือนิก (ขอสงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์หรือตาล (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 1,600,000 เม็ด ณ พื้นที่ สภ.หนองแค ภ.จว.สระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่าจะมีทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ก.จว.สระบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูชุ สีขาว ทะเบียน 83-3954 สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียง
ยาเสพติด และจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บม 645 ร้อยเอ็ด และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้ออีชูซุ สีเทา ทะเบียน ขช 7466 กทม.ในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15:20 น.ของวันที่ 1 พ.ย.66 พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันไปสังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที่ วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ 3 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเฝ้าสังเกการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสุรชาติหรือชาติ (ขอสงวนนามสกุล), นายวิรอนหรือแดง (ขอสงวนนามสกุล), น้องชายของนายวิรงค์ (ขอสงวนนามสกุล), นายณัฐสิทธิ์หรือเติ้ล (ขอสงวนนามสกุล), นายพงศ์อิทธิพลหรือเจ้ง (ขอสงวนนามสกุล) ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ รวมจำนวน 2,000 มัด ประมาณ 4,000,000 เม็ด ซุกช่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 83 – 3954 สุรินทร์ พร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 18 นัด นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงาน
สอบสวน สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีในความผิด “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปีนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปีนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าหากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้ ก่อนจะแพร่กระจายสู่ท้องตลาดซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 40,000,000 บาท และจะเป็นภัยต่อประเทศชาติที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดและ ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำความผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างเต็ดขาดต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมรับนโยบายต้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด โดยในช่วงที่ผ่านมาสามารถจับผู้ต้องหาและยึดยาเสพติดได้มากขึ้น เนื่องจากมีการสืบสวนขยายผลที่เข้มงวดมากขึ้น ดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และติดตามกลุ่มผู้ค้าที่ยังเคลื่อนไหว โดยดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อตัดวงจรกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาดต่อไป

ขอขอบคุณผู้สนับสนุน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า