ตำรวจไซเบอร์จับกุมผู้ต้องหาหลอกขายไอโฟนให้เด็กอายุ 14 ปี

ตำรวจไซเบอร์จับกุมผู้ต้องหาหลอกขายไอโฟนให้เด็กอายุ 14 ปี

ตำรวจไซเบอร์จับกุมผู้ต้องหาหลอกขายไอโฟนให้เด็กอายุ 14 ปี

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกกองบัญชาการมีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และเป็นภัยต่อสังคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา และได้ให้แนวทางไว้เป็นนโยบายการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ด้าน นั้น วันนี้ (24 ก.ย.64) เวลา 11.00 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีจับกุมผู้ต้องหา รายสำคัญดังนี้
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์กรณี เด็กนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อแอปเปิล ไอโฟน 7 ขนาด 32 กิกะไบต์ ในราคา 5,000 บาท ผ่านอินสตาแกรม Phonebymint ที่มีผู้ติดตามมากถึง 60,000 คน เหตุเกิดในพื้นที่ อ.นาหวาย จว.เชียงใหม่
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.2 และ บก.สอท.4 เร่งสืบสวน ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.54 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว น.ส.นฤมล ชำนาญชล อายุ 18 ปี และน.ส.สายน้ำผึ้ง ชนะมาร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน ” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย กระทั่งวันนี้ 24 ก.ย.64 เวลาประมาณ 09.00 น. จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งย่านราชพฤกษ์ อ.เมือง จว.นนทบุรี ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ จากการ
ตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด พบเพียงครอบครัวของแฟนซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้าน จึงได้ทำการตรวจยึดแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตู้เซฟนิรภัย กระเป๋าแบรนด์เนม ซิมโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์เก๋ง บีเอ็มดับเบิลยู ไว้เป็นของกลาง นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัยนี้เคยถูกจับกุมดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง ในข้อหาฐานความผิดลักษณะเดียวกันนี้ ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี อนึ่งพนักงาน
สอบสวนจะมีบันทึกไปยังเลขาธิการ ปปง. โดยคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ติดตามทรัพย์ และยึดทรัพย์ตามกระบวนการต่อไป ทั้งนี้ การปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) มุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นการบังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และการอำนวย
ความยุติธรรมของพี่น้อง

 

ประชาชนเป็นสำคัญ
หลังจากที่การแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้มีผู้เสียหายจากคดีหลอกขายไอโฟน ชื่อ น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 18 ปี อาศัยอยู่ย่านธัญบุรี จังหวัดปทุม นักศึกษาในระดับชั้นปี 1 ได้เข้ายื่นเอกสารข้อมูล และเอกสารแจ้งความดำเนินคดีกับผู้หลอกลวง โดยนางสาวเอ นามสมมุติ ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ที่ถูกหลอกลวงจำนวน 37 ราย รวมมูลค่า เป็นจำนวนเงิน 467,500 บาท ทั้งนี้นางสาวเอ ซึ่งเดินทางมาในวันนี้ทางกลุ่มผู้เสียหายได้ให้นางสาวเอเป็นตัวแทนโดยมีความประสงค์ที่จะเรียกเงินคืนและแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอีกด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า