คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
เปิดบ้านตั้งโต๊ะแถลงข่าว เปิดใจหลังศาลยกฟ้องทุกคดี ! พลิกปมคดีครอบครัว ‘ณพ ณรงค์เดช’
เมื่อเวลา 10:30 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ณ บ้านบุณยะจินดา สุขุมวิท 71 กรุงเทพฯ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา พร้อมด้วย คุณอภิวุฒิ ทองคำ ที่ปรึกษากฎหมาย ออกมาเปิดข้อมูลสำคัญโต้กลับทุกข้อกล่าวหา คดีครอบครัว และคดีหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) พร้อมพิสูจน์ความจริง ยืนยันความบริสุทธิ์หลังอดกลั้นมานาน หลังศาลพิพากษาชนะคดีรวดมาตลอด 6 ปี “ไม่มีเหตุจำเป็นต้องปลอม! เนื่องจากครอบครัวณรงค์เดชไม่มีส่วนในการลงทุนหุ้นวินด์ฯ” ศาลชี้ชัดเส้นทางการเงิน และเงินลงทุนมาจากคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา เพียงแต่ท่านฯไม่ประสงค์ที่จะออกนาม หลังจากคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา พร้อมด้วย คุณอภิวุฒิ ทองคำ ที่ปรึกษากฎหมาย ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนเสร็จสิ้น
คุณณพ ณรงค์เดช พร้อมด้วย คุณวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษากฎหมาย ได้เคลียร์ปมครอบครัวณรงค์เดช โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาถึง 6 ปี คุณณพ ณรงค์เดช เลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพื่อรอให้ศาลพิพากษาครบในทุกคดีก่อน จึงออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งเดียวต่อสื่อมวลชน เพื่อให้เกิดความชัดเจน และพร้อมพิสูจน์ความจริง ตอบทุกข้อกล่าวหาที่ถูกนำไปเบี่ยงเบนและเป็นประเด็น โดยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด
สำหรับเรื่องการลงทุนในหุ้นวินด์ฯนั้น เป็นการลงทุนส่วนตัวของ คุณณพฯ โดยไม่เกี่ยวกับทางครอบครัว! และเรื่องที่เสียใจที่สุดคือการที่ “คุณพ่อ (ดร.เกษม ณรงค์เดช) ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” เพียงเพราะมีคนที่ต้องการผลประโยชน์จากหุ้นวินด์ฯ
นอกจากนี้ คุณณพ ณรงค์เดช และลูกๆ “ไม่ได้รับโอกาส” ให้เข้าไปพบคุณพ่อตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะความขัดแย้งของพี่น้อง แม้จะพยายามเข้าพบหลายรอบแล้วก็ตาม ซึ่งคุณณพยังคงเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เข้าพบคุณพ่อเสมอ
ปมธุรกิจครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันนี้ ธุรกิจที่มี คุณกฤษณ์, คุณณพ, และคุณกรณ์ เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันนั้น มีเพียง บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ เท่านั้น โดยถือหุ้นคนละ 1 ใน 3 จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด คุณณพฯ จึงถูกกันออกมา ไม่ได้ร่วมบริหารจัดการหรือร่วมตัดสินใจใดๆ รวมทั้งการที่ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ด้วย โดยธุรกิจส่วนตัวของ คุณณพ ณรงค์เดช ยังมีสถาบันดนตรี KPN ซึ่งเป็นธุรกิจที่ภูมิใจที่สุด ที่ได้ทำขึ้นตามความปรารถนาของคุณแม่ (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) ซึ่งมีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโรงพยาบาล ที่ได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนอีก 2 บริษัท
เผยข้อเท็จจริง! สรุปคำพิพากษาชนะคดีตลอด 6 ปีเต็ม
[ คดีที่ 1 ] คดีฮ่องกง HCA 1525/2018 (ศาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง) คุณเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง
(จำเลยที่ 1) โกลเด้นมิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด
(จำเลยที่ 2) คุณณพ ณรงค์เดช
(จำเลยที่ 3) คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
เรื่องละเมิดและขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 2561 (มีคำพิพากษา) อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง โดยให้ชำระค่าใช้จ่ายในอัตราสูงสุด ให้แก่จำเลย
[ คดีที่ 2 ] คดีใช้เอกสารปลอม อ.2497/2561 (ศาลอาญารัชดา)
คุณเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์อ้างว่าตนเองในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โกลเด้นมิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด ยื่นฟ้อง
(จำเลยที่ 1) คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
(จำเลยที่ 2) คุณณพ ณรงค์เดช
(จำเลยที่ 3) คุณสุรัตน์ จิรจรัสพร
เรื่องความผิดเกี่ยวกับเอกสาร เมื่อปี 2561 (มีคำพิพากษา) ให้ยกฟ้อง พยานผู้เชี่ยวชาญยันกันไม่อาจรับฟังเป็นยุติ ลายมื่อชื่อไม่ได้ผิดแผกแตกต่างให้เห็นชัดเจนว่าเป็นลายมือชื่อปลอม เงินช่วยเหลือจากครอบครัวก็เป็นเงินกู้ยืม ซึ่งคุณณพฯ เป็นผู้รับผิดชอบภาระหนี้และการบริหารจัดการคนเดียวจึงไม่ใช่การร่วมลงทุนในความหมายของกฎหมาย พยานโจทก์รับฟังไม่ได้โดยปราศจากข้อสงสัย ว่าเอกสารทั้ง 3 ฉบับเป็นเอกสารปลอม
[ คดีที่ 3 ] คดีเรียกทรัพย์คืน พ.1031/2562 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้) คุณเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 14 คน และมีจำเลยร่วมอีก 31 คน เมื่อปี 2562 เรื่องให้เรียกทรัพย์คืน (หุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด) (มีคำพิพากษา) โจทก์ขอถอนฟ้อง ไปเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเรื่องนี้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนการอายัตเงินปันผลของบริษัท วินด์ฯ โดยให้เหตุผลชัดเจนว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
แม้หากฟังว่า คุณเกษมฯ ให้หุ้นดังกล่าวแก่ คุณณพ การเรียกคืนจะต้องปรากฏว่า คุณณพ ประพฤติเนรคุณ แต่ไม่ปรากฏเหตุว่าประพฤติเนรคุณ
[ คดีที่ 4 ] คดีผิดสัญญา เรียกทรัพย์คืน พ.978/2565 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้) คุณกฤษณ์ และคุณกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง
(จำเลยที่ 1) คุณณพ ณรงค์เดช
(จำเลยที่ 2) บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด
(จำเลยที่ 3) บริษัท โกลเด้นมิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด
(จำเลยที่ 4) คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
เมื่อปี 2565 เรื่องสัญญาเพิกถอนนิติกรรม เรียกทรัพย์คืน (มีคำพิพากษา) ศาลสั่งยกฟ้อง โดยโจทก์ทั้งสองไม่สามารถนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่า เอกสารดังกล่าวในการ
โอนหุ้นไม่เป็นเอกสารที่แท้จริง หรือเป็นพยานเอกสารที่รับฟังไม่ได้เพราะเหตุใด ข้อกล่าวอ้างต่าง ๆ เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานกฎหมาย เมื่อโจทก็สืบไม่ได้จึงต้องฟังว่า การโอนหุ้นพิพาทหรือการซื้อหุ้นพิพาทมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ก็ทำถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดไม่เป็นโมฆะ เรื่องความเห็นเจ้าของหุ้นของโจทก็ทั้งสอง เมื่อได้ความว่า เงินที่ซื้อหุ้นพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ทั้งสองและไม่ปรากฏว่าเอกสารที่อ้างเป็นเอกสารปลอม การโอนหุ้นพิพาทถูกต้องตามแบบของกฎหมาย จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของหุ้นพิพาท ไม่จำต้องโอนหุ้นคืนแก่โจทก์ทั้งสอง
[ คดีที่ 5 ] คดีปลอมลายเซ็น อ.1708/2564 (ศาลอาญากรุงเทพใต้) คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1) เป็นโจทก์ฟ้อง คุณณพ ณรงค์เดช กับพวกรวม 3 คน เมื่อปี 2564 ในฐานความผิด ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม (มีคำพิพากษา) สั่งยกฟ้อง โดยศาลใช้ดุลพินิจรับฟังว่า เอกสารทั้ง 6 ฉบับปลอม แต่ทางนำสืบและพยานหลักฐานรวมทั้งคำเบิกความของคุณเกษมไม่มีข้อเท็จจริงใดที่ยืนยันว่า คุณณพ, คุณหญิงฯ และคุณสุภาพร เป็นผู้ปลอม มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงลายมือชื่อหรือนำมาใช้หรืออ้างชื่อใด ซึ่ง คุณกฤษณ์ฯ ก็เบิกความว่า ไม่ทราบว่าใคร เป็นผู้ลงลายมือชื่อปลอม ส่วน คุณกรณ์ฯ ก็เบิกความว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในขณะลงลายมือชื่อ จึงไม่ทราบว่า ผู้ใดลงลายมือชื่อ จึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสาม ไม่ได้ร่วมกันปลอมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอม
หลังจากที่ คุณณพ ณรงค์เดช พร้อมด้วย คุณวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษากฎหมาย ได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ยังได้ตอบข้อซักถามในประเด็นต่างๆที่เป็นข้อสงสัยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาต่อสื่อมวลชน จึงทำให้ความจริงปรากฏขึ้นชัดเจนในวันนี้