จับหัวขโมย ย่องเข้าร้านฉกกระเป๋า ย่านเยาวราช ทรัพย์สินราว 17 ล้านบาท
เมื่อเวลา10.30 น.วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2565 ณ สน.พลับพลาไชย 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความจากสตรีผู้เสียหาย อายุ 52 ปี (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) เป็นเจ้าของกิจการ ร้านขายอะไหล่รถยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร ตั้งอยู่บนย่านถนนเยาวราช ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชัยสิทธิ์ คำผายจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.พลับพลาไชย 2 ว่า ได้มีคนร้ายบุกเข้าไปในร้านตน ในขณะที่ตนเองขึ้นไปไหว้พระสวดมนต์ที่ชั้น 2 ของร้าน ครั้นเมื่อลงมายังบริเวณโต๊ะทำงานได้สำรวจทรัพย์สินปรากฏว่ากระเป๋าถือสตรี แบรนด์เนม สีครีมของตนได้หายไป โดยมีคนร้ายได้เดินเข้าไปในร้าน ซึ่งในขณะนั้นไม่มีคนอยู่ แล้วได้ขโมยกระเป๋าจากบริเวณโต๊ะทำงานของตนไป ภายในกระเป๋ามีทรัพย์สิน และของมีค่าหลายรายการ โดยมี
1.กระเป๋าถือสตรี แบรนด์เนม สีครีม 1 ใบ
2.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
3.ไอแพด ยี่ห้อแอปเปิล 1 เครื่อง
4.นาฬิกา ยี่ห้อโรเล็กซ์ เรือนส้ม 1 เรือน
5.นาฬิกา ยี่ห้อปาเต๊ะฟิลิปป์ 1 เรือน
6.นาฬิกา ยี่ห้อริชาร์ด มิลล์ ฝังเพชร 1 เรือน
7.เครื่องประดับ แหวนทองคำขาวล้อมเพชร 3 กะรัต 1 วง
8.เครื่องประดับ แหวนทองคำขาวล้อมเพชร 2 กะรัต 1 วง
9.ต่างหู สร้อยมุก กำไลล้อมเพชร
10.เงินสด จำนวน 80,000 บาท
11.บัตรเครดิต และสมุดบัญชีธนาคาร
รวมราคาทรัพย์สิน และกระเป๋า มูลค่าราว 16,900,000 บาท
หลังจากทางเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว จึงได้รายงานให้ทาง พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 ได้รับทราบ จากนั้น พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 จึงรีบส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และ สอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในร้าน พบว่าคนร้ายเป็นชาย 1 คน เดินเข้ามาในร้านแล้วลักเอากระเป๋าถือแล้วเดินออกนอกร้านไป จึงได้ทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านต่างๆ และกล้อง CCTV ที่ติดตั้งตามจุดต่างๆ ตามนโยบายโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้กำกับดูแล สามารถดูกล้องต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านต่างๆ และกล้อง CCTV พบว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง วิ่งไปจอดที่บริเวณทางลงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้ปากซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 3 คนร้ายได้เดินถือกระเป๋าสตรีดังกล่าวเข้าซอย แล้วเดินออกจากซอย ทีมสืบสวนสอบสวน ได้ลงพื้นที่ในซอยดังกล่าว ได้ตรวจค้นหาและได้พบกระเป๋าถือสตรีถูกทิ้งอยู่ในพงหญ้าบริเวณซอยเล็กๆ จึงได้เก็บไว้เป็นของกลาง แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย จากนั้นได้ปรากฏภาพ จาก CCTV เห็นคนร้ายได้เดินออกจากซอยแล้วเรียกรถแท็กซี่อีกคัน มุ่งหน้าไปทางถนนบรมราชชนนีขาออก ต่อเนื่องไปยังถนนพระราม 2 แล้วส่งที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี และได้สนธิกำลังทีมสืบสวนร่วมสืบสวน กระทั่งทราบว่า คนร้ายคือ นายศักดิ์ดา หรือ แชมป์ สว่างพราว ผู้ต้องหา อายุ 25 ปี พักอาศัยอยู่ย่าน ต.บางจาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ก่อนพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ
กระทั่ง เวลา 17.00 น.วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ได้พบตัวผู้ต้องหา พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ จึงเข้าจับกุมฯ จากการสอบถามนายศักดิ์ดา ได้รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขึ้นรถไฟจาก จ.เพชรบุรี แล้วไปลงรถไฟที่หัวลำโพง และได้นอนพักตรงบริเวณนั้น หลังจากตื่นก็ได้เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนเยาวราช ครั้นเมื่อถึงร้านขายอะไหล่รถ มองไปในร้านเห็นกระเป๋าสตรีวางอยู่ เกิดอยากได้เงินจึงก่อเหตุลักทรัพย์กระเป๋าสตรีของผู้เสียหายจริง นำเงินในกระเป๋าไป 80,000 บาทเศษ นำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ เหลืออยู่ที่ตัว 8,000 บาท หลังจากให้การสารภาพ เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และเส้นทางหลบหนี โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้
ส่วนในด้านผู้เสียหายหลังจากได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่าได้จับคนร้ายได้แล้ว ทางผู้เสียหายได้กล่าวชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้เทคโนโลยีจากกล้อง CCTV ที่เชื่อมต่อดูได้อย่างรวดเร็ว และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ พร้อมทรัพย์สินคืนได้อย่างรวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจให้กับประชาชน
ขอขอบคุณ
☆ พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.พลับพลาไชย 2
☆ คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ ที่ปรึกษา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2/ที่ปรึกษานิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร
