พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.แถลงผลปฏิบัติ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.แถลงผลปฏิบัติ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.แถลงผลปฏิบัติ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3

เมื่อเวลา 11:30 น.วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2564 ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงผลการจับกุมคดีที่น่าสนใจ 4 คดีดังนี้

1.“ขยายผลจับแล้ว เจ๊ ป.ปลา ตัวการรายใหญ่สระแก้ว ลวงเหยื่อค้ามนุษย์ข้ามชาติ”
ก่อนการขยายผลจับกุมในครั้งนี้มีกรณีที่ผู้เสียหายคนไทยจำนวน 21 ราย เป็นผู้เสียหายฐานค้ามนุษย์ถูกหลอกไปบังคับใช้แรงงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยจากการสืบสวนเก็บข้อมูลพบว่ามีการชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊คกลุ่มต่างๆ เกี่ยวกับการจัดหางานที่ประเทศกัมพูชาซึ่งมีผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ มายัง อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นจุดพักคอยรอลักลอบข้ามชายแดน จากนั้นเมื่อถึงเวลานัดหมายรับกับคนจากฝั่งกัมพูชา นางชูศรี หรือ เจ๊ ป.ปลา (ขอสงวนนามสกุล) จะให้ลูกน้องพาไปกลุ่มเสียหายไปส่งยังช่องทางธรรมชาติและลักลอบเดินผ่านออกไปยังกัมพูชาและเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ เมื่อถึงกรุงพนมเปญจะมีกลุ่มคนชาวจีนจัดให้ผู้เสียหายพักอยู่ในอาคารแห่งหนึ่งมีกำหนด 5 เดือน ถ้ากลับก่อนหรือไม่ทำงานจะถูกจับจำนวน 75,000 บาท จากนั้นบังคับให้ผู้เสียหายต้องหลอกลวงคนอื่นให้มาลงทุนในแอปพลิเคชัน “SPELL” ถ้าหาคนไม่ได้หรือไม่ทำตามจะถูกหักเงิน โดยกลุ่มคนจีนได้ข่มขู่และทำร้ายซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือและนำตัวกลับไทย กก.สส.บก.ตม.3 จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนมีหลักฐานที่เชื่อมโยงแน่ชัดนำมาซึ่งการออกหมายจับศาล จ.287/2564 ลงวันที่ 19 พ.ย. 64 จากนั้นได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าเจ๊ ป.ปลา มากบดานอยู่ห้องพักแห่งหนึ่งใน หมู่ 6 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จว.สระแก้ว จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่บุคคลซึ่งเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางที่กฎหมายกำหนด” และมีการตรวจยึดของกลางที่น่าจะใช้กระทำความผิด ซึ่งได้แก่ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย จำนวน 1 เล่ม ธนคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม และรถกระบะสีดำ ซึ่งใช้ก่อเหตุ นำส่งร้อยเวรสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
จากสอบถาม เจ๊ ป.ปลา ให้การรับสารภาพว่ารับหาคนข้ามไปทำงานที่กัมพูชาโดยอ้างว่าหาคนไปทำงานเว็บพนันออนไลน์ คิดค่าใช้จ่ายประมาณ 6,000 บาท ต่อหัว ซึ่งหักค่าใช้จ่ายจะถึงตัว เจ๊ ป.ปลา ประมาณ 2,000-2,500 บาท ต่อหัว โดยขบวนการในลักษณะนี้ในพื้นที่ จว.สระแก้ว มาหลายปีแล้ว

2.“หนุ่มเมียนมาแสบ จับสาวล่ามโซ่ถ่ายประจานลง Tiktok!”
ในกรณีดังกล่าวนี้ เมื่อประมาณปลายเดือน ก.ค. 64 ได้เกิดเหตุ นางสาวมิน (นามสมมติ) สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้ถูกนาย ZAW (ขอสงวนสกุล) หน่วงเหนี่ยวกักขังในห้องพักแห่งหนึ่ง ซอยคลองสี่ ตะวันออก๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี โดยใช้โซ่ล่ามพันธนาการที่ข้อเท้าทั้งสองข้างและใช้เชือกผูกมือ เนื่องจากเข้าใจว่าผู้เสียหายได้ลักทรัพย์ของนาย ZAW ไปโดยได้มีการถ่ายวีดีโอเอาไว้และโพสต์ลงในแอปพลิเคชัน Tiktok ซึ่งในขณะนั้นมีพลเมืองดีคนไทยมาพบเห็นเข้าจึงได้แจ้งเตือน นาย ZAW จึงได้ปล่อยตัวผู้เสียหายไป ในเวลาต่อมาขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ออกปฏิบัติงานในเขตรับผิดชอบได้พบกับนางสาวมิน ซึ่งได้ปรึกษาขอความช่วยเหลือโดยได้แสดงโพสต์ Tiktok พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมกับให้ทราบ ชุดสืบสวนจึงได้ประสานงานพานางสาวมิน เข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีและทำการสืบสวนเหตุดังกล่าวในทันที่ก็พบว่า มีผู้ร่วมกระบวนการจำนวน 2 คน คือนาย ZAW (ขอสงวนชื่อสกุล) และนางมะอิ (ขอสงวนชื่อสกุล) ซึ่งเป็นแฟนสาวของนาย ZAW เป็นผู้ร่วมขบวนการแต่ต้น จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนร้อยเวรสอบสวนจนออกหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 686/2564 และ 287/2564 ลงวันที่ 4 พ.ย. 64 ประกาศสืบจับบุคคลทั้งสองเอาไว้ โดยในเวลาต่อมาชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า นาย ZAW และนางมะอิ หลบหนีมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในซอยบางขุนเทียน 14 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จึงได้ดำเนินการเข้าตรวจค้นและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้ได้ โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏภาพของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย” นำตัวส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

3.“จนมุม! หนุ่มเมืองน้ำหอมลักมอเตอร์ไซค์ พบพฤติกรรมหลอกลวงหญิงไทยหลายราย”
กล่าวคือเมื่อประมาณปลายเดือน มิ.ย. 64 ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานความร่วมมือจาก สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี เพื่อทำการสืบสวนข้อมูลของคนต่างชาติ ด้วยเหตุมีผู้เสียหายแจ้งว่าถูกคนร้ายต่างชาติลักรถจักรยานยนต์ไป เหตุเกิดที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ชุดสืบสวน ตม.จว.ชลบุรี จึงได้ทำการสืบสวนพบว่าคนร้ายรายนี้คือ
นาย Stephane (ขอสงวนสกุล) อายุ 46 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เข้ามาตั้งแต่เดือน ต.ค.ปี 2019 ซึ่งเป็นข้อมูลสนับสนุนให้กับ สภ.หนองปรือในทางคดีจนมีการออกหมายจับ ศาลจังหวัดพัทยาที่ 278/2564/ ลง 11 ก.ย. 64 ฐานความผิดลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน
จากการสืบสวนข้อมูลบุคคลพบว่า นาย Stephane มีพฤติกรรมลักษณะเปลี่ยนแฟนสาวบ่อยครั้ง โดยเมื่อคบหากันแล้วจะยืมเงินแล้วหลบหนีไป ทั้งยังเกี่ยวพันกับคดีนำภาพหญิงไทยมาปลอมเฟสบุ๊กเพื่อเสนอขายตัว และหลอกใช้บัญชีของแฟนสาวรายอื่นเพื่อรับโอนเงิน โดยนอกจากก่อคดีลักทรัพย์แล้ว ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตแฟนสาวแจ้งเหตุถูกหลอกไว้ด้วยกันหลายท้องที่ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี, สภ.ลำปลายมาศ สภ.บ้านกรวด จว.บุรีรัมย์ และ สภ.เมืองบัว จว.สุรินทร์ ในเวลาต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านาย Stephane ซ่อนตัวในกรุงเทพฯ จึงได้ติดตามตัวไปจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณถนนข้าวสาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในเหตุต่าง ๆ ที่มีการรับแจ้งไว้หลาย ๆ ท้องที่จะมีการประสานงานเพื่อดำเนินการขยายผลต่อไป

4.“กวาดล้าง แก๊งขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย แค่เดือนเดียวรวบผู้ต้องหากว่า 200 คน”
สืบเนื่องในห้วงเดือน พ.ย. 64 ที่ผ่านมา บก.ตม.3 มีการระดมกวาดล้างอย่างหนัก โดยเน้นกลุ่มแก๊งลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทยซึ่งผลการกวาดล้างมีในรายหน่วยงานที่สำคัญ ดังนี้
1. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ข้อหา ให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนำพาฯ จำนวน 6 คน ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 21 คน
2. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ข้อหา ให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนำพาฯ จำนวน 21 คน ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 273 คน
3. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้อหา ให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนำพาฯ จำนวน 10 คน
ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 181 คน รวมผลการจับกุม
ข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้น จำนวน 36 คน
ข้อหา หลบหนีเข้าเมือง 475 คน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า