ตม.หนองคาย บุกทลายร้านคาราโอเกะบังหน้า ค้ากามเด็กสาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปี
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้
ตม.จว.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จับกุมนายสงกรานต์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะ พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 3 ราย ที่ห้องพักรีสอร์ท ใน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ในความผิดฐาน “เป็นผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลและเด็ก โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี, เป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปซึ่งเด็กที่มีอายุกว่า 15 แต่ยังไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี, เป็นผู้ดูแลหรือจัดการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี และเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง” พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้หญิงต่างด้าวสัญชาติลาว ทราบว่า “เป็นคนเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต”
ตม.จว.หนองคาย ได้ทำการสืบสวนคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อหาปลายทางการลักลอบว่ามีเป้าหมาย
ไปยังที่ใด ทำงานประเภทใด จนทราบว่า กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติลาวบางส่วน มักจะลักลอบเข้ามาทำงานขายบริการ ณ ร้าน
คาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.หนองคาย ซึ่งมีการลักลอบรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวเข้าทำงานโดยผิดกฎหมายและพบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีแอบแฝง ซึ่งทางร้านได้ลักลอบเปิดให้นักท่องเที่ยวขาประจำมาใช้บริการกินดื่มและซื้อบริการทางเพศ โดยใช้วิธีปิดไฟ
ภายในร้าน เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ให้หลงเชื่อว่าร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดบริการ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีการนำเอาหญิงชาวลาวอายุ
ต่ำกว่า 18 ปี ให้บริการอยู่ภายในร้านด้วย ซึ่งทางเจ้าของร้านจะให้เด็กหญิงภายในร้าน ชักชวนลูกค้าที่มานั่งดื่มเสนอขายบริการ
ทางเพศคิดค่าบริการครั้งละ 1,500-2,000 บาท โดยเจ้าของร้านจะคอยควบคุมและสั่งให้เด็กมาบริการแขก และหากมีการขายบริการทางเพศเจ้าของร้านจะได้ส่วนแบ่งจากการขายบริการ ครั้งละ 300 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมวางแผนให้สายลับเข้าไปใช้บริการในร้านดังกล่าว โดยได้ให้สายลับพรางตัวเข้าไปใช้บริการโดยต่อมาหญิงชาวลาวได้ชักชวนสายลับเพื่อให้ซื้อบริการทางเพศกับหญิงบริการภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณร้านคาราโอเกะ และบริเวณหน้ารีสอร์ท ที่จะมีการพาหญิงสาวไปเข้าพักเพื่อค้าบริการทางเพศ ต่อมา ทางร้านได้ส่งหญิงชาวลาวคือ ด.ญ.ดาว อายุ 15 ปี ไปให้บริการทางเพศกับสายลับที่รีสอร์ท เมื่อสายลับพา ด.ญ.ดาว เข้าพักที่รีสอร์ทแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบถามทราบว่า ด.ญ.ดาว ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมพี่สาว ทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อประมาณเดือน
มี.ค.64 จากนั้นได้มารับจ้างทำงานที่ร้านดังกล่าวเรื่อยมาพร้อมทั้งมีการขายบริการทางเพศให้กับนักท่องเที่ยวจริง โดยจะคิดเงินค่าบริการครั้งละ 1,500 บาท เมื่อเสร็จภารกิจจะนำเงินจำนวน 300 บาท มาให้กับเจ้าของร้านเพื่อเป็นส่วนแบ่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าจับกุมนายสงกรานต์ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานค้ามนุษย์ พร้อมนำตัวส่ง พงส.สภ.โพนพิสัย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th