เปิดคุกนนท์ สร้างอาชีพ ให้โอกาสผู้ก้าวพลาด คืนสู่สังคม
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมราชทัณฑ์ จัดโครงการ “คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม” สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอาหาร เตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษแก่ผู้ต้องขัง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อสร้างอาชีพในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 พ.ย.63 ที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานเปิดโครงการ “สร้างอาชีพ ให้โอกาสผู้ก้าวพลาดคืนสู่สังคม เรือนจำจังหวัดนนทบุรี” โดยมี นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) นางเสาวคนธ์ เจษฎารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา นางสาวปรีย์ธิดา สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ร่วมเปิดโครงการในครั้งนี้ด้วย
นางสาวปรีย์ธิดา สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า โครงการภายใต้แผนงานพัฒนาเรือนจำ เรือนจำวิถีใหม่ สร้างคน สร้างงาน สร้างโอกาส ให้ผู้ก้าวพลาดกลับสู่สังคม ในมิติการส่งเสริมคุณค่าผู้ต้องขัง ในด้านการมีทักษะอาชีพ ที่สามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองภายหลังพ้นโทษ โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคม จัดการอบรมฝึกทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความสนใจ ความถนัด ความต้องการ โอกาสและความเป็นไปได้ในการต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้ต้องขัง ไม่เป็นภาระของสังคม โดยจัดกิจกรรมฝึกอบรม สาธิต รวมถึงสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิต จากการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง ให้สังคมภายนอกรับรู้ และมีส่วนร่วมให้การสนับสนุน เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความรู้ และมีทักษะในการประกอบอาชีพในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคสังคม หน่วยงานภายนอก เข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจการคืนคนดีกลับสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์
สำหรับในครั้งนี้บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษเด็ดขาดของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ใกล้พ้นโทษไม่อยู่ระหว่างดำเนินการทางวินัยมีความสนใจและสมัครใจเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพ ด้านการทำอาหาร รวม 6 เมนู ประกอบด้วย พิซซ่า เฟรนฟรายเชค หมูปิ้งนมสด เมนูเสียบไม้วาไรตี้ ขนมปังปิ้ง และชาชงเงินล้าน
ทั้งนี้ ผู้ต้องขังจะได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยอย่างเป็นรูปธรรม มีความรู้ และทักษะวิชาชีพที่สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ ไม่เป็นภาระของสังคม และไม่หวนกลับมากระทำความผิดซ้ำอีก อีกทั้งสังคมภายนอกมีทัศนคติที่ดี ให้การยอมรับและให้โอกาสผู้พ้นโทษ ในการกลับคืนสู่สังคม
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร ได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ ในการจัดทำโครงการ “คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม” เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ โดยนำความเชี่ยวชาญในการเป็นคู่คิดคิดธุรกิจอาหารธุรกิจค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) ที่ใช้เงินทุนไม่มาก จัดการไม่ยุ่งยาก มาถ่ายทอดแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้เป็นวิชาชีพติดตัวก่อนออกไปตั้งหลักใหม่ใช้ชีวิตปกติภายนอก
“โครงการนี้เรามุ่งเน้นให้ความรู้และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ก้าวพลาดให้สามารถมีโอกาสกลับมาดำรงชีวิตเป็นคนดีของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการประกอบอาชีพจากธุรกิจอาหาร ธุรกิจค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) ซึ่งแม็คโครได้รวบรวมพนักงานจิตอาสาในแต่ละสาขา ทีมแม็คโครและผู้เชี่ยวชาญในด้านการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร และการทำร้านค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) มารวมพลังกันทำความดี ถ่ายทอดความรู้ในการเริ่มต้นธุรกิจ ภายใต้มารฐานอาหารปลอดภัย ตั้งเป้าหมายว่า สิ้นปี 2563 จะมีผู้ต้องขังผ่านการอบรมจากโครงการดังกล่าว 300 คน และจะดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว”
สำหรับเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร รวมถึงพนักงานแม็คโครจิตอาสาจากสาขาแจ้งวัฒนะและสาขานครอินทร์ ช่วยกันแนะทักษะสร้างอาชีพจาก 6 เมนู ประกอบด้วย พิซซ่า เฟรนฟรายเชค หมูปิ้งนมสด เมนูเสียบไม้วาไรตี้ ขนมปังปิ้ง และชาชงเงินล้าน ให้แก่ผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษจำนวน 60 ราย
ซึ่งโครงการ “แม็คโคร ร่วมกับ กรมราชทัณฑ์ คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม” ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ต้องขัง จากเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง จ.เพชรบุรี เรือนจำชั่วคราวแคน้อย เรือนจำเพชรบูรณ์ เรือนจำหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผ่านการอบรมไปแล้ว 250 คน โดยวางแผนจัดกิจกรรมปีละ 5-10 ครั้ง ให้กับเรือนจำทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
“ปัญหาสำคัญเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษออกมาก็คือ ไม่สามารถหางานทำประจำได้มากกว่า 30 % จึงกลับมาเป็นผู้ต้องอีกเพราะออกไปแล้วไม่รู้จะทำอาชีพอะไร โอกาสในการหางานทำมีน้อยมาก แม็คโคร จึงคาดหวังให้การอบรมอาชีพ เป็นเครื่องมือสำคัญในการตั้งธุรกิจเล็กๆ ของตนเอง ใช้เงินลงทุนน้อย เริ่มต้นได้ง่าย ก่อนต่อยอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีอาชีพมีงานทำเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้” นางศิริพร กล่าว