บช.ทท.สรุปผลปฏิบัติในการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ฐานความผิด 10 กลุ่มต้องห้าม ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวม ระหว่างวันที่ 1- 13 ก.ค. 66
วันที่ 13 ก.ค.66 ณ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 เลขที่ 456 ถนนช้างเผือก ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท.ได้เผยถึง ผลสรุปในการปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในฐานความผิด 10 กลุ่มต้องห้าม ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวม ระหว่างวันที่ 1- 13 ก.ค. 66 โดยภายใต้สั่งการของ พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.ได้ประชุมสรุปผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมการกระทำความผิดในคดี 10 กลุ่มต้องห้าม อาทิ
– ปราบทัวร์และไกด์เถื่อน/ฝ่าฝืนกฎหมาย
– จับกุมยานพาหนะเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
– ผลการจับกุมในภาพรวม และความผิดอื่นๆ ที่ส่งกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบที่ได้ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-13 ก.ค.66 โดยมี รอง ผบก.บก.ทท.1-3 , ผกก.ในสังกัด บก.ทท.1-3 , สว.ส.ทท.ในสังกัด บช.ทท., สว.สืบสวนในสังกัด บช.ทท.ร่วมรายงานผลการปฏิบัติ
โดยตลอดห้วง 13 วันของปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมหน่วยร่วมบูรณาการ สามารถกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดได้ถึง 461 ราย ผู้ต้องหา 489 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดเกี่ยวกับทัวร์ด้อยคุณภาพ/ความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ฯ การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด และความผิดเกี่ยวกับยานพาหนะเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งบ่อนทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีของประเทศ
นอกจากนี้ พล.ต.ต.พงษ์สยามฯ ยังได้เน้นย้ำกับกำลังพลทุกนายว่า ความผิด 10 กลุ่มต้องห้ามเป็นนโยบายของรัฐบาล ของ ตร. และของ บช.ทท.ที่จะป้องกันปราบปรามสกัดอาชญากรรมต่างๆ ที่จะเกิดกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม บช.ทท.มีหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศตามกฎหมาย และมีหน้าที่พิเศษในการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในผืนแผ่นดินไทย ตำรวจท่องเที่ยวมีหน้าที่หลักๆที่กล่าวไปแล้ว