พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.ลงแถลงผลจับกุม 3 คดี
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก. 1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. [ บก.สส.สตม.เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2 ]
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการ กรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย กลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 ราย ไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกว่าดล้าง มังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชน จำนวน 9 ราย ดังนี้
1. ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ได้แก่
1.1 นายเกาชิง (นามสมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 ประเภทวีซ่า THAILAND PRVILEGE CARD (PE)วันครบกำหนดอนุญาต วันที่ 13 เมษายน 2567 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.2 นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ประเภทวีซ่า คนอยู่ชั่วคราว (RE-ENTRY) วันครบกำหนดอนุญาต วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.3 นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 จีน สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ประเภทวีช่า คนอยู่ชั่วคราว (RE-ENTRY) วันครบกำหนดอนุญาต วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยทั้ง 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ หุ้น “ACE King” โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้งทำโปรโมชั่นต่าง ๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น “ACE King” ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 11,500 ล้านบาท)
2. ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่
2.1 นายเหลียง (นามสมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ประเภทวีซ่า นักท่องเที่ยว 60 วัน วันครบกำหนดอนุญาต วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
2.2 นายลิห่าว อายุ 34 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ประเภทวีซ่า นักท่องเที่ยว 15 วัน และขออยู่ต่อถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทั้ง 2 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ใช้ บริษัท กวางโจว โมฟาน จำกัด หลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้า Maotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7 ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย
3. ข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่
3.1 นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน และขออยู่ต่อถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
3.2 นายกัง (นามสมมติ อายุ 28 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ประเภทวีซ่า นักท่องเที่ยว 60 วัน และขออยู่ต่อที่ ด่าน ตม.พัทยา ตม.จว.ชลบุรี ถึงวันที่ 21 กันยายน 2565 ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่น ต่อมาช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อฟอกเงิน
4. ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ประเภทวีซ่า นักท่องเที่ยว 60 วัน และขอเปลี่ยนวีช่าที่ กก.1 บก.ตม.1 อนุญาตถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี 2564 – 2565 นายต้าลิน ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขาในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management Co., LTD.
ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ 75 ล้านบาท)
5. ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 มีนาค 2566 ประเภทวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD (PE) วันครบกำหนดอนุญาต วันที่ 11 มีนาคม 2567 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) จากนั้น ได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราอาณาจักร จำนวน 7 ราย ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
2. [ บก.สส.สตม. จับจีนใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบทำงาน ]
ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้กองบังคับการในสังกัด ออกสืบสวนตรวจสอบจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และเข้ามาลักลอบทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย
จากการสืบสวนของ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่ามีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จว.ปราจีนบุรี จะมีคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียน จว.ปราจีนบุรี ร่วมกันไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว จำนวน 35 คน จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า คนจีนดังกล่าว เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีช่า นักท่องเที่ยว จำนวน 32 คน วีช่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และคนประจำพาหนะ จำนวน 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน
จว.ปราจีนบุรี ดำเนินคดี ดังนี้
1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จำนวน 33 คน
2. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และ ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน 2 คน นอกจากนี้ ยังได้จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 9 คน ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหา คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่พักอาศัยของตนโดยมิชักช้าเมื่อครบระยะเก้าสิบวัน จำนวน 1 คน3. บก.สส.สตม.รวบสมุนแก๊งคลองหาด ลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมนายธันยพงศ์ (นามสมติ) อา 27 ปี และนายสุเทพ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา ช่วยเหลือช่อนเร้นด้วยประการใดให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พ้นการจับกุม จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 19 คน ยีดรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด 3 คัน นำส่ง สภ.เขาหินช้อน ดำเนินการตามกฎหมาย พฤติการณ์จับกุม เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าว และขยายผลการกระทำผิดของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทย จังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน เอาตัวมาหลบช่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณจุดซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 12 มิถุนายน 2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์โตโยต้า รีโว้ สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าว จำนวน 19 คน และพบตัวนายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน นายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ ให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถประมาณ 1,500 บาทต่อแรงงานหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละประมาณ 5,000 – 8,000 บาท สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง 1 รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th