ผบก.ปทส.ได้สั่งการให้ทีมสืบสวนกก.4บก.ปทส.ทำการสืบและจับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์คุ้มครอง
วันนี้ 20 ม.ค. 64 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส.
สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.๔ บก.ปทส.,พ.ต.ต.ชานนท์ รัตนประทีป สว.กก.4 บก.ปทส., พ.ต.ต.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส., ทำการสืบสวนจับกุม ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองพื้นที่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง หลังได้รับเบาะแสมีผู้ลักลอบค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมายมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 20 ปี วันนี้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.บก.ปทส. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.4 บก.ปทส. ปลอมตัวเป็นพ่อเลี้ยงเจ้าของภัตตาคารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทำการติดต่อล่อซื้อซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เก้ง) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลำดับที่ 198 อีเก้ง หรือเก้ง หรือฟาน (Muntiacus muntjac) จำนวน 2 ตัว 18 ชิ้น น้ำหนักรวม 36 กิโลกรัม จากนางปราณี (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี จากการสอบถาม ณ สถานที่เกิดเหตุ นางปราณี (ผู้ถูกจับ) ให้การว่า ตนขายซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เก้ง) ให้กับเสี่ยสมคิด(สายลับตำรวจ) จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมค้นพบเงินล่อซื้อที่กระเป๋าถือของนางปราณีฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเงินล่อซื้อถ่ายเอกสารและลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ่อหลวงในชั้นจับกุม สอบถามนางปราณี (ผู้ถูกจับ) ว่าซากสัตว์ดังกล่าวที่ขายให้แก่สายลับเป็นซากสัตว์ชนิดใด ได้มาอย่างไร ตกลงซื้อขายกับสายลับอย่างไร นางปราณี (ผู้ถูกจับ)ให้การว่าซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เก้ง) ตนได้ซื้อมาจากชาวบ้านชื่อ พะโด่ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแม่ตะวอ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก จากการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่สะเรียง พบร่องรอยกระสุนปืนที่ซากสัตว์ป่าทั้งสองซาก ซึ่งได้มาจากพรานล่ามาจากป่า ซากสัตว์ป่าดังกล่าวไม่ใช่สัตว์ที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ขาย นางปราณีฯ รับว่าตนซื้อมาในราคากิโลกรัมละ 330-350 บาท ราคาขึ้นอยู่กับห้วงเวลาว่าล่าได้มากหรือน้อย และรับว่าตนได้นำมาขายต่อในกิโลกรัมล่ะ 400-600 บาท ตรวจสอบไม่มีใบอนุญาตค้าและครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นางสาวปราณีฯ ว่าการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 17 “ครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เก้ง) โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ มาตรา 29 “ค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย” โดยอัตราโทษสูงสุดของข้อหาดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าหากสืบสวนพบว่าล่าในเขตป่าอนุรักษ์จะมีอัตราโทษ ต้องระวางโทษจาคุกตถังแต่สามปีถึงสิบห้าปี หรือ ปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ. ในชั้นจับกุมนางสาวปราณีฯให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตาฝั่ง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คุณ มนู พุทธิมูล
หัวหน้าข่าว ภ.5 นิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน รายงาน