บิ๊กอู๊ด ผบช.สตม.พร้อมด้วย คณะ รอง ผบช.สตม.และชุดปฏิบัติการ แถลงผลการปฏิบัติการ ตม.3 และ ตม.4 !!

บิ๊กอู๊ด ผบช.สตม.พร้อมด้วย คณะ รอง ผบช.สตม.และชุดปฏิบัติการ แถลงผลการปฏิบัติการ ตม.3 และ ตม.4 !!

บิ๊กอู๊ด ผบช.สตม.พร้อมด้วย คณะ รอง ผบช.สตม.และชุดปฏิบัติการ แถลงผลการปฏิบัติการ ตม.3 และ ตม.4 !!

เมื่อเวลา 11:00 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ.ห้องประชุม มหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร สตม.ท่าน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย ท่าน พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ,พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมในการแถลงผลการปฏิบัติการ โดยมี 4 คดีดังนี้

1.(รวบขบวนการนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน)
จากการสืบสวนหาข่าวขบวนการลักลอบนำออกรถยนต์เพื่อขายยังประเทศเพื่อนบ้าน และได้รับแจ้งจากสายลับทราบว่าจะมีกลุ่มบุคคลทำเป็นขบวนการลักลอบนำรถยนต์ไทยที่ผ่านพิธีการตรวจอนุญาตของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากรในการนำรถยนต์ออกไปนอกราชอาณาจักร ทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้อง แต่จะไม่มีการนำรถยนต์กลับเข้ามา จึงกำชับให้ จนท.ตม.ประจำช่องตรวจพาหนะเพิ่มความละเอียดในการตรวจเอกสาร ในวันเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้มายื่นเอกสารการเดินทางและรายการเกี่ยวกับพาหนะเพื่อให้ จนท.ตม.ทำการตรวจอนุญาตเดินทางเข้า เมื่อ จนท.ตม.ตรวจข้อมูลในระบบ BIOMETRICS พบว่าในการเดินทางออกนั้นได้ขออนุญาตนำรถยนต์จำนวน 6 คันออกไป แต่ขณะเดินทางกลับมีรถยนต์เพียง 2 คันนำกลับเข้ามา จึงได้ร่วมกับด่านศุลกากรหนองคายตรวจสอบข้อมูลในระบบของศุลกากร ก็พบว่า รถยนต์ทั้ง 6 คันได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรเพื่อนำรถยนต์ออก โดยทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้องแล้วนำออกต่างวันกัน แต่พฤติการณ์ในวันที่ถูกจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางกลับเข้ามาในวันเดียวกัน โดยสารมากับรถยนต์ 2 คันเท่านั้น และมายื่นเอกสารขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา ส่วนรถยนต์อีก 4 คันนำเฉพาะเอกสารมายื่นเพื่อขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา โดยผู้ต้องหาที่ 1 – 3 นำเอกสารรถยนต์ 4 คัน ที่ไม่ได้นำกลับเข้ามา มายื่นเพื่อขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา มีผู้ต้องหาที่ 5 – 6 เป็นผู้ขับรถยนต์ของกลาง 2 คัน (ซึ่งเป็น 2 ในจำนวน 6 คันที่นำออกไป) มายื่นเอกสาร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยบุคคลหนึ่งแจ้งนำรถยนต์ออกหรือเป็นเจ้าของรถยนต์แต่มอบอำนาจให้อีกบุคคลหนึ่งนำรถยนต์ออกหรือนำรถยนต์กลับเข้ามา การมอบอำนาจสลับกันทำให้มีเอกสารที่ต้องตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญกลุ่มผู้ต้องหาพยายามนำเอกสารทั้งหมดมายื่นช่วงเช้า เพื่ออาศัยจังหวะช่วงเวลาที่มีรถยนต์และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกจำนวนมาก เพื่อหวังให้ จนท.สับสน สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 6 คน โดยมี
(1) นายกำจัดฯ
(2) ว่าที่ร้อยตรีพีรพัฒน์ฯ
(3) นายณัฐกฤชฯ
(4) นายนิธิศปพนฯ
(5) ว่าที่ร้อยตรีหาญชัยฯ
(6) นายสุรินทร์ฯ
และตรวจสอบพบของกลางประกอบด้วย รถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า วีออส 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง
โดยทั้งหมดยอมรับว่ารถยนต์อีก 4 คันที่ไม่ได้นำกลับมาได้ขายที่ สปป.ลาวไปแล้ว จึงร่วมกันจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีต่อไป

2.(BIOMETRICS เจ๋ง รวบสองผัวเมียหนีหมายจับ 8 คดี ยักยอกทรัพย์เสียหายร่วม 10 ล้าน)
จากกรณีที่ เจ้าหน้าที่ ตม.จ.สุรินทร์ ได้จับกุม นาย ปริญญาฯ และ น.ส.จันทนาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเทิง และศาลแขวงเชียงราย ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 โดย ตม.จ.สุรินทร์ ได้รับการประสานจากนายประกันของผู้ต้องหาว่า น.ส. จันทนาฯ ได้เดินทางมาในพื้นที่ จ.สุรินทร์ เกรงว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ ตม.จว.สุรินทร์จึงได้จัดชุดออกสืบสวนจับกุม โดยเน้น ช่องทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน ขณะเฝ้าสังเกตบริเวณหน้าทางเข้าจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พบผู้ต้องหาทั้งสองคนมีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ได้รับข้อมูล จึงขอตรวจสอบเอกสารโดยใช้เทคโนโลยีระบบตรวจอัตลักษณ์บุคคล(BIOMETRICS) ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นบุคคลตามหมายจับ คดียักยอกทรัพย์และคดีเช็ครวมกันจำนวนถึง 8 หมายจับ มูลค่าความเสียหายร่วม 10 ล้านบาท จึงได้ทำการจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.เชียงของ ดำเนินคดีต่อไป

 

3.(รถไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ โชว์ประสิทธิภาพ รวบชาวจิงโจ้หลบแอบกบดานที่ศรีสะเกษ)
โดย เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ศรีสะเกษ ได้จับกุม MR.DANIEL อายุ 63 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (356 วัน)
ก่อนการจับกุม ชุดสืบสวน ตม.จว.ศรีสะเกษ ออกสืบสวนหาข่าวและประชาสัมพันธ์การแจ้งที่พักอาศัยตาม ม.38 โดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (Smart Patrol Car) อย่างต่อเนื่อง และได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเคยเห็นชาวต่างชาติลักษณะเป็นชาวตะวันตก อยู่ในพื้นที่ ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าพักอยู่ ณ ที่ใด จนกระทั่งในวันเวลาเกิดเหตุ พบ MR.DANIEL (ทราบภายหลัง) กำลังเดินอยู่ริมถนนทางเข้าบ้านนาทราย ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบรอยตราประทับระบุเคยขออยู่ต่อในราชอาณาจักร เมื่อค้นข้อมูลในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง ในรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะพบว่า MR.DANIEL อยู่เกินกำหนดอนุญาตมาตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.62 รวมเวลาอยู่เกินจำนวน 356 วัน ซึ่ง MR.DANIEL ได้ให้การยอมรับว่าตัวเองอยู่เกินกำหนดอนุญาตมานานแล้ว ได้หลบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทเรื่อยมา และพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในแหล่งชุมชน หรือเขตพื้นที่เมืองใหญ่มาโดยตลอด จึงจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

4.(ตม.3 บุกรวบหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติพกปืน พร้อมเครื่องกระสุน ในเมืองพัทยา)
โดย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าตรวจสอบกรณีชาวต่างชาติพกพาอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน ในพื้นที่อำเภอเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งอ้างว่ามีไว้เพื่อป้องกันตัว ภายในบริเวณที่จอดรถ City Garden Pattaya Condominium ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จากกรณีดังกล่าวได้ทำการจับกุมตัวชายชาวต่างชาติ จำนวน 1 ราย ชื่อ นายจอห์น(นามสมมุติ) อายุ 43 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืน รีวอลเวอร์ ขนาด .22 ยี่ห้อนอร์ท อเมริกัน อาร์ม จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 5 นัด พร้อมซองปืนพกในที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย ต่อมาได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาที่ 10/2563 แสดงเพื่อทำการตรวจค้นบ้านบนถนนจอมเทียนสายหนึ่ง ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ที่เป็นที่พักของชายชาวต่างชาติดังกล่าว จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อ Tanfoglio จำนวน 1 กระบอก โดยผู้ครอบครองเป็นภรรยาชาวไทยของชายชาวต่างชาติ ซึ่งมีใบอนุญาตครอบครองถูกต้องตามกฏหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาชายชาวต่างชาติ ว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุอันควร” และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า