ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ บุกจับกุมตัวคนร้ายชาวจีน “ฉกทรัพย์ชาวอินเดีย” ภายใน 5 ชั่วโมง

ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ บุกจับกุมตัวคนร้ายชาวจีน “ฉกทรัพย์ชาวอินเดีย” ภายใน 5 ชั่วโมง

ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ บุกจับกุมตัวคนร้ายชาวจีน “ฉกทรัพย์ชาวอินเดีย” ภายใน 5 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2567 ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เลขที่ 999 หมู่ที่ 1 ถนนสุวรรณภูมิ 4 หนองปรือ อำเภอบางพลี สมุทรปราการ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท., และข้าราชการตำรวจท่องเที่ยวที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมในการแถลงผลการปฏิบัติงาน ” ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)” ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ บุกจับกุมตัวคนร้ายชาวจีน ฉกทรัพย์ชาวอินเดีย ภายใน 5 ชั่วโมง
(ปฐมบท) เวลา 13.30 น.วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2567 ณ กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) MR.CHAVAN HARSHAD PANDURANG (นายฮาซาด พานดูราน ชาวาน) นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย สัญชาติอินเดีย ได้ถือหนังสือเดินทางเลขที่ z6479305 เข้ามาแจ้งกับตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแจ้งว่าตนฯ ได้ขึ้นเครื่องเดินทางมาจาก เมืองบอมเบย์ ประเทศอินเดีย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน VISTARA เที่ยวบิน UK123 ครั้นเมื่อลงจากเครื่องก็ได้สำรวจกระเป๋าสัมภาระ และพบว่า นาฬิกาโรเล็กซ์ และเงินสดจำนวน 2,800 ดอลลาร์ ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายได้หายไป จึงได้เข้ามาพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เพื่อขอความช่วยเหลือ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวจึงได้สืบสวนจนทราบว่าก่อนนักท่องเที่ยวจะลงเครื่อง มีคนร้ายลักเอาทรัพย์สินไป ในขณะที่เก็บไว้บนช่องเก็บของ ของผู้โดยสารที่อยู่เหนือศีรษะบนเครื่องบิน และได้สังเกตุเห็นคนร้ายผู้ก่อเหตุเดินมาเปิดที่ช่องเก็บของที่ผู้เสียหายได้วางกระเป๋าที่เก็บทรัพย์สินไว้ โดยตรงกันกับการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่สายการบิน VISTARA และเมื่อคนร้ายลงจากเครื่องแล้วก็ได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะรู้ตัว เมื่อตำรวจท่องเที่ยวได้ทราบถึงพฤติการณ์ และรายละเอียดทั้งหมด จึงได้เร่งออกสืบสวนและได้ประสานงานกับภาคีเครือข่าย อาทิ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, เจ้าหน้าที่สายการบิน, เจ้าหน้าที่โรงแรม, แท็กซี่พลเมืองดี ตลอดจนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุในทันที
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้สืบสวนจนกระทั่งได้ความคืบหน้า ของข้อมูลคนร้ายที่ก่อเหตุและพบว่าผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 20 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ต่อมา เวลา 18.30 น.ในวันเดียวกัน พ.ต.อ.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผกก.3 บก.ทท.1, พ.ต.ท.อภิรุ่ง เพียรมงคล รอง ผกก.3 บก.ทท.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.เสกสันติ์ ฐิรเรืองรัตน์ สว.กก.3 บก.ทท.1 พร้อมด้วยชุดสืบสวน ทำการร่วมกันเข้าจับกุมตัว MR.YI XIANGYANG (นายอี้ เซียงหยาง) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ถือหนังสือเดินทางเลขที่ EK5152878 โดยพบผู้ต้องหาเดินลงมาที่บริเวณล็อบบี้โรงแรม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอตรวจค้น พบของกลางซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายที่คนร้ายผู้ก่อเหตุสะพายอยู่ โดยมี
1 ) นาฬิกา ยี่ห้อ Rolex รุ่น Sea-Dweller ตัวเรือนสีเงิน หน้าปัดสีดำ Serial number หมายเลขตัวเรือน J389U361 จำนวน 1 เรือน
2 ) เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
จึงได้นำตัวมาดำเนินคดีโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในท่าอากาศยานหรือในยวดยานสาธารณะ หรือรับของโจร” ก่อนที่จะนำทรัพย์สินดังกล่าว ส่งคืนให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียในขั้นต่อไป
จากนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ให้สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในทุกมิติให้นักท่องเที่ยว โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย ตำรวจท่องเที่ยวเปรียบเสมือนเพื่อนคนแรกเมื่อนักท่องเที่ยวก้าวเท้ามาถึงประเทศไทย ให้ท่องเที่ยวด้วยความความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินจนกระทั้งเดินทางกลับ ตามคติพจน์ของตำรวจท่องเที่ยว Your First Friend
# ตำรวจท่องเที่ยว เปรียบเสมือนหนึ่งญาติมิตรในต่างแดน ซึ่งจะช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว พร้อมทั้งจะคอยช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ฝากถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เชื่อมั่นว่าทุกสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทย ตำรวจท่องเที่ยวจะอยู่เคียงข้างนักท่องเที่ยว และสร้างความอบอุ่นใจ ดูแลความปลอดภัย อย่างยั่งยืนสืบไป

ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน และนักท่องเที่ยว
หากพบเห็นผู้กระทำความผิด สามารถแจ้งเหตุได้ที่ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ทันที
# ตำรวจท่องเที่ยวยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ขอขอบคุณผู้สนับสนุน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า