“Phongsavahn Wood Industry ชี้แจงสรุปมหากาพย์เรื่องไม้พยุง 11 ตู้คอนเทอร์เนอร์ กว่า 15 ปี !!
เมื่อเวลา 13:00 น.วันที่ 22 มิถุนายน 2564 ณ ห้องวีนัส ชั้น 3 โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี กทม.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ร้องขอความเป็นธรรม และไล่เรียงไทม์ไลน์ในกรณีของเรื่องไม้พยุง 11 ตู้คอนเทอร์เนอร์โดยมี นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ ผู้ได้รับมอบอำนาจ จากบริษัท Phongsavahn Wood Industry หรือวิสาหกิจส่วนบุคคลพงสะหวันอุตสาหกรรมไม้ หรือโรงเลื่อยพงสะหวัน ให้จัดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องไม้พยูง11ตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกยึดไว้ ต่อหน้าสื่อมวลชน
โดยในช่วงท้ายปี พ.ศ. 2547 วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้รับการแบ่งสัมปทานซื้อและขุดค้นไม้พยุงและไม้ประดู่ เป็นไม้นอนขอนตายจากสมาคมบำไม้ภูเพียงนากาย (โครงการเขื่อนไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ) ในปี พ.ศ.2549 วิสาหะกิจ ส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้ตกลงขายไม้พยูงท่อนจำนวน 1,554 ท่อน และไม้พยุงแปรรูปจำนวน 122 เหลี่ยม เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน แต่เนื่องด้วยประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวไม่มีทางติดทะเลจึงจำเป็นต้องผ่านแดนประเทศไทยภายใต้สนทิสัญญาบาร์เซโลน่า
ประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้ส่งไม้พยุง ดังกล่าวผ่านแดนทางด่านสะหวันนะเขต สปป. ลาว – มุกดาหาร ประเทศไทย พร้อมหนังสือแสดงถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) และทำตามขั้นตอน ระเบียบพิธีการของการขนส่งทุกอย่าง โดยนางธรัญญา อุปัตสิงห์ ผู้ได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ประกอบพิธีการผ่านแดน ( ชิปปิ้ง ) เป็นผู้ดำเนินการตามพิธีการระเบียบศุลกากรและกฎหมายของประเทศไทย
ในปีเดียวกัน ( พ.ศ. 2549 ) ไม้พยุงดังกล่าวได้ถูก อายัติและตรวจสอบ ณ จังหวัดมุกดาหาร เมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น บริษัทชิปปิ้ง จึงทำการบรรทุกไม้เพื่อเดินทางมาบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ที่สำนักงานศุลกากรตรวจสอบสินค้าลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งต่อไปยังประเทศจีน โดยใบเบิกทางในการนำไม้ดังกล่าวเคลื่อนที่นั้นได้กำหนดให้ใช้เส้นทาง มุกดาหาร – นครราชสีมา – สระบุรี – กรุงเทพมหานคร เมื่อสินค้ามาถึงที่ลาดกระบังได้ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้เข้ามาอายัติและตรวจสอบ
ต่อมาในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553 สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ พระโขนง ได้มีหนังสือที่ อส 0020.7/0144 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2550 ไม่ขอให้ศาลริบของกลาง จึงแจ้งทาง ปทส ให้จัดการเกี่ยวกับของกลาง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา85 ซึ่งวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry รอให้พนักงานสอบสวนสั่งคืนของกลางหากแต่ไม่มีคำสั่งคืนมายังวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn
Wood Industry แต่อย่างใด
ในปี พ.ศ.2558 วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsvahn Wood Industry โดยนายสอนแก้ว สิตทิไซ กรรมการผู้มีอำนาจได้ยื่นหนังสือเพื่อขอรับคืนของกลางจากพนักงานสอบสวนแต่ก็ยังไม่มีการคืนของแต่อย่างใดจนถึงปัจจุบัน
และเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ปทส ได้มีคำสั่งคืนไม้พยุงดังกล่าวให้แก่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry และให้วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจของกลางในวันที่25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ ตช 0026.707/5150 ซึ่งวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ไม่เคยได้รับหนังสือใดๆจาก ปทส ตลอดระยะเวลากว่า15 ปีที่ผ่านมา
และในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2563 นายเอ (นามสมมุติ) เข้าปรากฎตัวที่ด่านศุลกากรลาดกระบังเพื่อตรวจสอบไม้ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry หากแต่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ไม่เคยมอบอำนาจหรือแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้มาทำเรื่องดำเนินการ หรือขอรับไม้คืนแทนวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry แต่อย่างใด ทางบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้มีการมอบอำนาจให้ นางสาวิตรี นันทภิวัฒน์ อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว เป็นผู้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแทนวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood
ทางวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบการของประเทศไทยตลอดมา พยายามติดตาม ประสานงาน และขอคืนไม้พยุงท่อนจำนวน 1,554 ท่อนและไม้พยุงแปรรูป จำนวน 122 เหลี่ยม ดังกล่าวมาตลอดกว่า15 ปี
โดยปัจจุบันนี้วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn WoodIndustry ทราบว่าได้มีหนังสือคืนไม้ดังกล่าวให้แก่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry แล้ว แต่มีการปลอมแปลงเอกสารการรับมอบอำนาจโดย นายเอ (นามสมมุติ) ทางวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้พยายามส่งเอกสารชี้แจงพร้อมหลักฐานคำร้องฟ้องนายเอ (นามสมมุติ) ใน สปป.ลาว เกี่ยวกับไม้พยุงกองนี้ นายเอ(นามสมมุติ) ยอมรับว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยได้รับมอบอำนาจจากวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry แต่อย่างใด ซึ่งในคำร้องฟ้อง นายเอ (นามสมมุติ) ได้มีการเซ็นชื่อและ
ปั๊มลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน หากแต่ทาง ปทส ไม่รับพิจารณา และตัวแทนวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้รับคำตอบทางวาจา จากนายตำรวจผู้มีอำนาจ ว่าเอกสารดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้เพราะเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรไทย ทางวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต่างๆที่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry คิดว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมแก่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ใน
เรื่องนี้ได้
ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี ทางวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และกระบวนการยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย แต่บัดนี้ทางวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry เห็นว่าวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn WoodIndustry ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็นจึงได้จัดการแถลงข่าวครั้งนี้โดยมอบให้ นางสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ เป็นสื่อกลางระหว่างวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry และสื่อมวลชนทุกท่าน วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ขอวิงวอนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมแก่วิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry และให้เป็นไปกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 7 (พระโขนง) ตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 85 (เจ้าของที่แท้จริง) นั้นหมายถึงว่าวิสาหะกิจส่วนบุคคล Phongsavahn WoodIndustry โดยนายสอนแก้ว สิดทิไข กรรมการผู้มีอำนาจเป็นเจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่ นายเอ (นามสมมุติ) ที่แอบอ้างปลอมแปลงเอกสารมาขอรับไม้คืน วิสาหะกิจสวนบุคคล Phongsavahn Wood Industry หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นางสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการแถลงข่าวในครั้งนี้ นายสอนแก้ว สิดทิไซ กรรมการผู้มีอำนาจ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ในข้อเท็จจริงทุกคำถามโดยไลฟ์สดผ่านโปรแกรม ZOOM จาก สปป.ลาวอีกด้วย!!