พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.ลงแถลงผลคดีสำคัญ !!

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.ลงแถลงผลคดีสำคัญ !!

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.ลงแถลงผลคดีสำคัญ !!

เมื่อเวลา 10:00 น.วันที่ 23 มิถุนายน 2563 ณ.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.,พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมลงแถลงผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดังนี้

☆ กรณีที่มีรายงานข่าวว่า พบแรงงานชาวเมียนมาร์ติดเชื้อโควิด 19 ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศไทย นั้น
กรมควบคุมโรคได้ประสานข้อมูลกับประเทศเมียนมาร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยมอบหมายให้กองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สคร.2 จ.พิษณุโลก) และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 จ.สงขลา) ทำการสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมในเบื้องต้น พบว่าแรงงานชาวเมียนมาร์กลุ่มดังกล่าว มีทั้งกลุ่มที่มีประวัติเดินทางจากประเทศไทย บางส่วนมีประวัติมาจากประเทศมาเลเซีย โดยทั้งหมดเข้าพักในสถานที่กักกันที่ทางการเมียนมาร์จัดเตรียมไว้และได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลจากการสอบสวนเบื้องต้น คาดว่าแรงงานกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มแรงงานเมียนมาร์ที่เคยถูกทางการไทยกักตัวไว้ในศูนย์กักกัน อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 42 คน ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งต่างด้าวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ตรวจพบเชื้อ และได้รายงานเป็นผู้ป่วย รวมทั้งได้รับการรักษาหายดีแล้ว แพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถูกส่งกลับเมียนมาร์ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ออกจากศูนย์กักกันตรวจคนเข้าเมืองสะเดาหรือไม่ ซึ่งต้องมีการติดตามรายละเอียดการเดินทางกลับไปเมียนมาร์ การตรวจหาเชื้อ และอาการป่วยโดยประสานงานผ่านกลไกของกฎอนามัยระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ก่อนจะสรุปข้อเท็จจริงและจัดทำมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคต่อไป
โดยล่าสุด ตรวจสอบพบว่า แรงงานชาวเมียนมาร์ติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งมีประวัติว่าเดินทางไปจากประเทศไทยตามข่าวนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 23 ราย ในจำนวน 19 ราย ทราบแหล่งที่มาคือ ด่าน ตม.สะเดา โดยทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อรายเก่าที่พบในประเทศไทย. อีก 4 รายยังไม่ทราบแหล่งที่มา ต้องรอข้อมูลจากเมียนมาร์ว่า อาศัยอยู่ที่ไหนในประเทศไทย เดินทางไปอย่างไรกลับไปวันไหน และประวัติการป่วย ทั้งนี้ มีการประสานงานกลับไปทางเมียนมาร์ เพื่อแจ้งรายละเอียดของผู้ป่วยเก่า และขอรายละเอียดเพิ่มเติมของผู้ป่วยรายอื่นๆ รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการวินิจฉัย
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  ยังคงเน้นย้ำมาตรการตรวจคัดกรองตามจุดผ่านเข้าออกพรมแดนของประเทศ การเฝ้าระวังในกลุ่มแรงงานที่จะเดินทางกลับ และการเฝ้าระวังในกลุ่มประชากรเสี่ยง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องกักแรกรับ และแรงงานต่างด้าวรวมอยู่ในกลุ่มเป้าหมายนี้
ใน 19 ราย ที่ทางเมียนมาร์ ตรวจ lab แล้วพบเชื้อนั้น อาจจะเป็นการตรวจพบเพียงสารพันธุกรรมที่ยังหลงเหลือภายหลังที่รักษาหายแล้ว หรือ อาจเป็นผลจากคุณภาพการเก็บตัวอย่างหรือการปนเปื้อนในการตรวจก็ได้ หรือเหตุอื่นๆ ทั้งนี้ คงต้องรอการประสานขอข้อมูลจากทางเมียนมาร์ มาพิจารณาต่อไป

☆1. สืบสวน ตม.6 ขยายผลจับกุมเครือข่ายลักลอบขนแรงงานต่างด้าวไปประเทศที่สาม
2. ตม.จว.สงขลา จับกุมหญิงไทยใช้รอยตราประทับปลอม
3. ตม.จว.สุราษฎร์ธานี รวบหนุ่มเมียนมาปลอมตราประทับ ตม.
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้
1.กก.สส.บก.ตม.6 ขยายผลจับกุมเครือข่ายลักลอบขนแรงงานต่างด้าวไปประเทศที่สาม เนื่องด้วย ตม.จว.สุราษฎร์ธานีจับกุมนายวิโรจน์ หรือบอย คนขับรถตู้ พร้อมแรงงานต่างด้าว รวม 9 คน เมื่อวันที่ 2 มี.ค.63 โดยจากกาสรตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 9 คนดังกล่าวมีหนังสือเดินทางเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปของเจ้าของหนังสือเดินทาง อันเป็นความผิดฐานปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้จับกุมคนต่างด้าวพร้อมกับนายวิโรจน์ นำส่ง พงส.สภ.บ้านนาเดิม จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดนั้น ต่อมาจากการสอบสวน นายวิโรจน์ให้การว่า ตนเองได้รับการชักชวนจากนายหมู ซึ่งประกอบอาชีพขับรถตู้โดยสาร ไม่ประจำทางเช่นเดียวกับตน ให้มาทำงานรับส่งคนต่างด้าวดังกล่าว โดยได้ค่าแรงเที่ยวละ ประมาณ 2 – 3 พันบาทต่อครั้ง และเมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 ได้ใช้ข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์ของนายวิโรจน์ ประกอบกับข้อมูลเส้นทางการเงิน พบว่านายวิโรจน์มีการติดต่อนายหมู และมีการจ่ายเงินค่าจ้างในการนำพาคนต่างด้าวไปส่งยังปลายทางคือ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จริง ประกอบกับพบข้อมูลในฐานระบบตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ว่า วันเวลาที่นายวิโรจน์ได้ขับผ่านเส้นทางเข้ามายัง อ.หาดใหญ่ นั้น สัมพันธ์และสอดคล้องกับการข้อมูลโอนเงินของนายหมูให้นายวิโรจน์ หรือบอย จริง จากข้อมูลดังกล่าวจึงเชื่อได้ว่านายหมู หรือนายสุรัตน์ (ทราบชื่อภายหลัง) มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการนำพาคนต่างด้าวใช้หนังสือเดินทางปลอมลักลอบเดินทางไปประเทศที่สาม และได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบการออกหมายจับ โดยต่อมาศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหมายจับนายสุรัตน์ หรือหมู ในข้อหา “เป็นผู้จ้างวานให้ผู้อื่น ให้การช่วยเหลือ ซ่อนเร้น คนจ่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง” ตามหมายจับเลขที่ จ.101/2563 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 ได้สนธิกำลังร่วมกับ บก.สส.สตม. ติดตามจับกุมนายสุรัตน์ได้ในที่สุด และนำส่ง พงส.สภ.บ้านนาเดิม เพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งทั้งนี้ กก.สส.บก.ตม.6 อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากเชื่อว่ายังคงมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวนี้อีกหลายคน
2.ตม.จว.สงขลา จับกุมหญิงไทยใช้รอยตราประทับปลอม
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ชลิต โชคอมรพานิช ผกก.ตม.จว.สงขลา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด่าน ตม.สะเดา ตม.จว.สงขลา จับกุมหญิงไทยจำนวน 4 รายคือ น.ส.ทิพย์วรรณ, น.ส.ภัควัญชณ์, น.ส.จันทร์ฉาย และ น.ส.วริยา ขณะเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม (รอยตราประทับขาเข้า-ออก ด่าน ตม.สุไหงโก-ลก ปลอม)” จากการสอบถามทั้งหมดให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางลักลอบไปทำงานร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่งใน รัฐปาหัง ประเทศมาเลเซียต่อมาได้ทราบข่าวว่ารัฐบาลประเทศมาเลเซียมีนโยบายห้ามคนเข้า-ออกประเทศ ทั้งหมดจึงว่าจ้างนายหน้าสัญชาติมาเลเซียซึ่งอ้างตัวว่าสามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำ ด่านชายแดนไทย-มาเลเซียได้ ในราคา 200 ริงกิต (ประมาณ 1,500 บาท) ให้นำหนังสือเดินทางไปประทับตราขาเข้า-ออก ราชอาณาจักร โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปด้วยตนเอง ต่อมาขณะยื่นหนังสือเดินทางเข้าราชอาณาจักรจึงทราบว่าเป็นตราประทับปลอมและถูกจับกุมนำส่ง พงส.สภ.สะเดา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพร้อมนี้ พ.ต.อ.ชลิต โชคอมรพานิช ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลเครือข่ายผู้กระทำความผิดซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีการทำเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำในรูปแบบองค์กรอาชญากรรม
3.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี รวบหนุ่มเมียนมาปลอมตราประทับ ตม.
ก่อนจับกุมในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีบุคคลต่างด้าว สั่งทำดวงตราขออยู่ต่อในราชอาณาจักรของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ร้านแห่งหนึ่งบน ถ.ชนเกษม ต.ตลาด อ.เมือง จว.สุราษฎร์ธานี โดยได้นัดหมายกับทางร้านเพื่อรับตราประทับดังกล่าวที่ร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนจับกุม โดยซุ่มดูอยู่บริเวณหน้าร้านดังกล่าวตามเวลากำหนดนัดหมาย จนกระทั่งพบบุคคลลักษณะเป็นบุคคลต่างด้าวขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา ทะเบียนสุราษฎร์ธานี มาจอดหน้าร้าน และเดินเข้าไปรับดวงตราขออยู่ต่อในร้านดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านจึงได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง คือ MR.KYAW หรือ นายจอ อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา หนังสือเดินทางประเทศเมียนมาได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประเภทแรงงาน 3 สัญชาติ ครบกำหนดอนุญาต 31 มี.ค.64 และขอตรวจค้นตัวโดยได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ดูจนพอใจแล้วจึงได้ตรวจค้น พบดวงตราประทับขออยู่ต่อในราชอาณาจักรฯ อยู่ในมือของ MR.KYAW ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นดวงตราประทับขออยู่ต่อในราชอาณาจักรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1 อัน และดวงตราประทับการแจ้งเตือนการอนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักร จำนวน 1 อัน และตรวจสอบหนังสือเดินทางของ MR.KYAW พบว่า ใบรับแจ้งการอยู่เกิน 90 วัน ของบุคคลต่างด้าว (ตม.47) ระบุชื่อ MR.KYAW ซึ่งเป็นเอกสารปลอมขึ้นมา ทั้งฉบับ จากนั้นได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ของ MR.KYAW ที่ขับขี่มา พบหนังสือเดินทางประเทศเมียนมาของบุคคลอื่นอยู่ในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลภายในรถ ตรวจสอบแล้วพบว่า ใบรับแจ้งการอยู่เกิน 90 วัน ของบุคคลต่างด้าว (ตม.47) ที่ติดอยู่ในหนังสือเดินทางเป็นเอกสารปลอม สอบถาม MR.KYAW รับว่า ได้ว่าจ้างร้านทำดวงตราประทับขออยู่ต่อ ตม.จว.สมุทรสาคร ที่ร้านดังกล่าว ในราคา 900 บาท โดยนำตัวอย่างสำเนาตราประทับขออยู่ต่อในหนังสือเดินทางของตนเองให้ร้านไว้เป็นตัวอย่าง ส่วนใบรับแจ้งการอยู่เกิน 90 วัน ของบุคคลต่างด้าว (ตม.47) มีบุคคลสัญชาติเมียนมาไม่ทราบชื่อรับไปทำให้ และหนังสือเดินทางของผู้อื่นที่ตรวจพบในรถเป็นของบุคคลต่างด้าวฝากไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหาให้ MR.KYAW ทราบว่า “ใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ ปลอมดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมือง ขององค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน” นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายจอ หรือ MR.KYAW ผู้ถูกจับ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ถูกจับยอมรับว่า ได้สั่งทำดวงตราประทับของกลาง ซึ่งถือว่าเป็นผู้กระทำผิดเองโดยทางอ้อม และยอมรับว่าใบรับแจ้งการอยู่เกิน 90 วัน ของบุคคลต่างด้าว (ตม.47) เป็นของปลอมจริง
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า