ตร.ภ.5 แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ในห้วง 21 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 63 ที่ผ่านมา
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 10.30 น.ณ.กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ , พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์ , พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต , พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร , พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี , พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท รอง ผบช.ภ.5 ร่วมกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ , เชียงราย , ลำปาง , พะเยา , แพร่ , น่าน , ลำพูน , แม่ฮ่องสอน และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5
ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัด 159 สภ.ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ซื้อ ขาย หรือครอบครองโดยผิดกฎหมาย ในห้วงระหว่างวันที่ 21 – 29 ก.พ.2563 โดยมีเป้าหมายในการตรวจค้น 353 เป้าหมาย ผลการดำเนินการสรุปได้ดังนี้
ผลการระดมกวาดล้างอาวุธปืน อาวุธสงคราม พบกระทำความผิด 304 เป้าหมาย
1. ผู้ต้องหา รวม 217 คน แยกเป็น ( ชาย – 214 ) ( หญิง – 3 คน)
2. อาวุธปืนของกลาง รวม 326 กระบอก
(ปืนยาว – 232 กระบอก) (ปืนสั้น – 59 กระบอก)
(ปืนอัดลม – 34 กระบอก)
(ปืนปากกา – 1 กระบอก )
3. เครื่องกระสุนปืน – กระสุนปืน 2,610 นัด
– กระสุนปืนอัดลม เบอร์ 2 จำนวน 5 กล่อง
4. จับกุมตามหมายจับ ( ทุกข้อหา ) 409 หมาย
5. ของกลางอื่นๆ
– ยาบ้าจำนวน 2,598,381 เม็ด
– กัญชาจำนวน 24 ต้น 34.86 กรัม
– ไอซ์ 0.3 กรัม
– ลำกล้องลดเสียง 4 อัน
– ลำกล้องขนาด .22 จำนวน 2 อัน
– ขาตั้งสำหรับปรับแต่งศูนย์อาวุธปืน 1 ชิ้น
– แม็กกาซีน 3 อัน
– กล้องติดปืน 4 อัน
– เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง
– รถจักรยานยนต์ 2 คัน
คดีชีวิต ร่างกาย และเพศ (อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ)
คดีที่ 1 : สภ.แม่ยาว จว.เชียงราย (ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน)
พฤติการณ์แห่งคดี โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 21:50 น.ได้มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายอนุชิต อาจอ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 579 หมู่ที่ 6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย ถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไปจากการสืบสวนสอบสวนสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุจำนวน 2 คน คือ
1. นายประวีร์ ปัญญาแจ่ม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 521 หมู่ 12 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย คนขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืนประกบยิงผู้ตาย ให้การรับสารภาพ
2. นายตะวันหรือ อาซัน อู่แม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 15 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย จว.เชียงราย จากการสอบสวน มือปืนให้การปฏิเสธ โดยจับกุมตัวนายตะวันฯ ตามหมายจับศาล จว.เชียงราย โดยอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ จากการตรวจหัวกระสุนที่ผ่าออกจากศพคนตายเป็นหัวกระสุนขนาด 7.62 ม.ม. และจากการซักถามคนร้ายให้การว่าเป็นอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ เอเค – 47 (อาก้า) ชนิดพับฐาน ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเนื่องมาจากผู้ตายเป็นทนายความรับว่าความ คดียาเสพติดในพื้นที่หลายคดี โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองคนว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันครอบ ครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ , ร่วมกันพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร , ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร” และตรวจยึดรถจักรยานยนต์คันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจำนวน 1 คัน
คดีที่ 2 : สภ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย (ฆ่าบุพการี)
พฤติการณ์แห่งคดี
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 10:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย ได้รับแจ้งเหตุฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายที่บ้านเลขที่ 476/1 หมู่ 1 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย จึงเข้าทำการตรวจสอบ เบื้องต้นทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายภาคิน มหาทัพพ์ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 476/1 หมู่ 1 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย ส่วนผู้ตายคือนางอรุณี ชลทรัพย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 476 หมู่ 1 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย เป็นมารดาของผู้ก่อเหตุ โดยสภาพศพถูกชำแหละอวัยวะเป็นชิ้นส่วนแช่ในถังน้ำแข็งขนาดใหญ่จำนวน ๒ ถัง เก็บไว้ในบ้าน ส่วนของศีรษะศพหายไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายภาคินฯ ผู้ก่อเหตุได้ ให้การรับสารภาพว่าได้ฆ่ามารดาของตนเองจริงโดยใช้มีดแทงจนตายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 04:00 น.จากนั้นได้ชำแหละศพออกเป็นชิ้นส่วนใส่ถุงพลาสติก เพื่อจะนำไปฝังที่บริเวณป่าข้างถนนสายพร้าว-เวียงป่าเป้า ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย แต่ฝังได้เพียงส่วนศีรษะ ส่วนอวัยวะอื่นๆ ยังฝังไม่ได้เนื่องจากดินแข็งขุดไม่ได้ จึงนำชิ้นส่วนที่เหลือกลับมาใส่ถังพลาสติกและใช้น้ำแข็งแช่เย็นไว้ที่บ้านเกิดเหตุ ส่วนสาเหตุเกิดจากการที่ตนทะเลาะกับมารดาของตนเองอย่างรุนแรงเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ฆ่าบุพการีโดยกระทำทารุณโหดร้าย อำพราง ซ่อนเร้นทำลายศพ ฯ”
คดียาเสพติดรายสำคัญ 1 ราย หน่วยจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง ของกลาง ยาบ้าจำนวน 2,500,000 เม็ด วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 สถานที่เกิดเหตุ ด่านตรวจแม่พริก สภ.แม่พริก , ด่านตรวจแม่พริก(X-RAY) อ.แม่พริก จว.ลำปาง
ผู้ต้องหา
1. นายคมสันต์ เกตุมา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234 หมู่ 4 ต.วังทอง อ.เมือง จว.กำแพงเพชร
2. นายธรรมราช ไทยธานี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 806 ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จว.นครสวรรค์
ข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พฤติการณ์ในการจับกุม โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจแม่พริก สภ.แม่พริก จว.ลำปาง ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีรถยนต์บรรทุกหกล้อ หมายเลขทะเบียน 70-2872 กำแพงเพชร ลักลอบขนยาเสพติด จึงได้ขึ้นเป็นรถยนต์เป้าหมายเฝ้าระวัง จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.20 น.ได้มีรถยนต์บรรทุกหกล้อ หมายเลขทะเบียน 70-2872 กำแพงเพชร เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าห้องน้ำของด่านตรวจแม่พริก ด.ต.เชิด ตะวันแก้ว ได้เดินเข้าไปหา และสอบถามทราบว่า คนขับรถยนต์บรรทุกหกล้อชื่อนายคมสันต์ เกตุมา และมีนายธรรมราช ไทยธานี นั่งโดยสารมาด้วย จากการสอบถามนายคมสันต์ฯ ให้การว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากบุคคลชื่อว่า “พ่อเลี้ยงเบิร์ด” ซึ่งไม่เคยเห็นหน้าและทราบชื่อจริง ได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ว่าต้องการรถบรรทุกรับจ้างขนสินค้าเป็นถั่วลิสง จาก อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ไปส่งที่ จว.สงขลา โดยตกลงค่าจ้าง 30,000 บาท โดยนายคมสันต์ฯ ได้ชักชวนนายธรรมราชฯ มาเป็นเพื่อนเพื่อไปรับสินค้าที่ อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 09.00 น.จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.นายคมสันต์ฯ ได้ขับรถยนต์บรรทุกผ่านมาถึงด่านตรวจแม่พริก และพบเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว จากการพิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ น่าเชื่อว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ เนื่องจากสินค้าขนมาจากพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ชายแดนที่มักจะมีการลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจแม่พริก จึงได้นำรถยนต์บรรทุกของนายคมสันต์ฯ เข้าเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อทำการตรวจหาสิ่งของผิดกฎหมาย ผลการเอ็กซเรย์รถยนต์บรรทุก พบสิ่งผิดปกติมีลักษณะคล้ายมัดก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบที่บรรจุถั่วลิสงบนรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด ผลการตรวจสอบพบยาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบบรรจุถั่วลิสง 25 กระสอบ วางไว้บริเวณพื้นกระบะชั้นล่างสุด กระสอบละ 2 มัดใหญ่ (รวม 50 มัด) แต่ละมัดมีประมาณ 2,000 เม็ด รวมตรวจพบยาบ้าทั้งสิ้นประมาณ 2,500,000 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลทั้งสองกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ในชั้นจับกุมผู้ถูกจับทั้งสองให้การปฏิเสธ จึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน เพื่อทำการขยายผลหาเครือข่ายผู้กระทำผิดต่อไป !!
คุณ มนู พุทธิมูล
หัวหน้าข่าว ภ.5 นิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน รายงาน