พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมชาวต่างชาติทำผิดกฏหมาย 4 คดี

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมชาวต่างชาติทำผิดกฏหมาย 4 คดี

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมชาวต่างชาติทำผิดกฏหมาย 4 คดี

เมื่อเวลา 11:00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 ณ ห้องสวนพลู (ห้องแถลงข่าว) ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 รรท.ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3/โฆษก สตม.และข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลจับกุมชาวต่างชาติที่ทำผิดกฏหมายถึง 4 คดี โดยมี
[ คดีที่ 1 ] รวบชายผิวสีแดนหมอผีหลอกขายดอลลาร์

กก.1 บก.สส.สตม.ได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับพฤติกรรมของชายผิวสีหลอกลวงขายเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการเสนอขายผ่านทางเว็บไซต์เพื่อให้คนที่สนใจติดต่อซื้อ มีการโชว์เงินดอลลาร์สหรัฐฉบับของจริง และเสนอขายฉบับละ 100 ดอลลาร์ในราคาเพียง 20 ดอลลาร์ โดยเมื่อมีคนสนใจก็จะติดต่อกันผ่านทางไลน์และจะส่งสินค้าที่เป็นรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐให้กับลูกค้าดูและถ้าลูกค้าต้องการก็จะให้โอนเงินวางมัดจำก่อน 20 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อได้เงินมัดจำจากลูกค้าแล้วก็จะหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงให้สายลับทำการแอดไลน์ ID และติดต่อเพื่อขอซื้อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชายผิวสีได้บอกกับสายลับผ่านทางแชตไลน์ว่า เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ฉบับละ 100 ดอลลาร์ ราคา 20 ดอลลาร์ โดยเสนอให้สายลับซื้อเป็นจำนวนเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจำนวน 500,000 เหรียญ หรือประมาณ 17,000,000 บาท แต่สายลับต้องโอนเงินมัดจำ 20 เปอร์เซ็นต์ (ประมาณ 700,000 บาท) เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ระบุชื่อ TENKEU JEXX JUXXX ก่อน แต่สายลับยังไม่ตกลงตามข้อเสนอ และขอนัดพบกันเพื่อขอดูเงินดอลลาร์สหรัฐก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ต่อมาชายผิวสีได้นัดกับสายลับให้ไปพบเพื่อซื้อตัวอย่างเงินดอลลาร์ จำนวน 300 ดอลลาร์ โดยตกลงราคากันที่ 2,500 บาท ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 22 กก.1 บก.สส.สตม. กรุงเทพฯ จึงได้ไปวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ เมื่อถึงเวลานัดหมายชายผิวสีได้มาพบกับสายลับและได้ส่งมอบเงินที่ตกลงซื้อขายกัน โดยชายผิวสีได้แจ้งให้สายลับโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 700,000 บาท เพื่อตนเองจะได้นำเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือมาให้ สายลับไม่ตกลงที่จะโอนและได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบชายผิวสี จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ชายผิวสีดังกล่าว คือ MR.TENKEU (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี สัญชาติแคเมอรูน และตรวจสอบในกระเป๋าถือสีดำพบธนบัตรไทยจำนวน 2,500 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อ จากการสอบถาม MR.TENKEU ให้การรับว่าหากสายลับโอนเงินจำนวน 700,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารของตนเองแล้ว ก็จะหลอกให้สายลับรอเพื่อตนเองจะได้ไปนำเงินสกุลดอลลาร์ส่วนที่เหลือมาให้ซึ่งไม่ได้มีจริง มีเพียงเงินสกุลดอลลาร์ฉบับจริงที่นำมาให้สายลับดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งพฤติการณ์การหลอกลวงของ MR.TENKEU ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม.จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พร้อมกับขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และจะได้ผลักดันส่งกลับประเทศแคเมอรูนต่อไป
[ คดีที่ 2 ] จับหัวหน้าแก๊งค์ผิวสีหลอกขายเม็ดทองปลอม

กก.1 บก.สส.สตม.จับกุมนาย Bobby (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติไลบีเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.128/2567 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากกรณีที่ กก.1 บก.สส.สตม.ได้ตรวจพบสกู๊ปข่าวซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ โดยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2567 ได้ถูกแก๊งค์คนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคำ แล้วถูกแอบสลับเงิน นำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทน สูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐานลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำนวน 2 ราย ได้แก่นายเจสัน และนายเควิน (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริงและสัญชาติ) และจากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม.สามารถจับกุม นายเจสันหรือนายคานู (นามสมมติ) สัญชาติเซียร์ราลีโอน ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเพิกถอนวีซ่านายซีเซ่ (นามสมมติ) สัญชาติไลบีเรีย นำตัวส่ง สถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม.ส่วนนายเควินจะได้สืบสวนพิสูจน์ทราบว่าเป็นใครเพื่อติดตามจับกุมต่อไปนั้น ต่อมาจากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม.พบว่านาย Bobby (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติไลบีเรีย มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับนายเควินผู้ต้องหาตามภาพถ่าย จึงได้นำภาพถ่ายของนาย Bobby ไปให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายยืนยันว่าบุคคลตามภาพถ่ายเป็นคนเดียวกันกับนายเควิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการหลอกขายเม็ดทองคำปลอม โดยทำหน้าที่เป็นคนนัดหมายเจรจาการซื้อขาย พาผู้เสียหายไปโรงหลอมเพื่อพิสูจน์เม็ดทอง เป็นคนบอกให้ผู้เสียหายแลกเงินดอลลาร์ไว้สำหรับการซื้อขายเม็ดทอง และในวันซื้อขายได้อยู่ร่วมกับนายเจสันหรือนายคานูในการแอบสลับเงิน จึงให้ชุดสืบสวนทำการสืบสวนหาตัวนาย Bobby จนกระทั่งทราบว่า นาย Bobby จะเดินทางไปในพื้นที่ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อพบนาย Bobby จากการสอบถามไม่ยอมรับว่าภาพถ่าย ตามหมายจับเป็นตนเอง จึงได้เชิญนาย Bobby มายัง กก.1 บก.สส.สตม. เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้ามาใน ประเทศไทย และติดต่อผู้เสียหายให้มาชี้ยืนยัน จึงได้ทำการจับกุมตามหมายจับนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
[ คดีที่ 3 ] รวบลุงมะกันหื่น Overstay

กก.4.บก.สส.สตม.จับกุม นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
กก.4 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวน่าสงสัยว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) โดยพบเห็นคนต่างด้าวดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้ไปสืบสวนจนกระทั่งพบคนต่างด้าวลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งมาปรากฏตัวบริเวณริมถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ในเบื้องต้นคนต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยแจ้งว่าได้ส่งหนังสือเดินทางไปยัง สอท.สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อขอออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จึงได้เชิญตัวมายัง ตม.จว.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบ Biometric พบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว หลังจากคดีสิ้นสุด กก.3 บก.สส.สตม. จะได้ดำเนินการผลักดันนายเนกรี หรือ MR.NEGRI ให้เดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกาต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย พบว่า นายเนกรี หรือ MR.NEGRI เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของมลรัฐจอร์เจีย และหน่วยงาน FBI ในคดีแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมลรัฐจอร์เจีย และ FBI ต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
[ คดีที่ 4 ] รวบเวียดนาม ลอบขายกัญชา ยึดของกลางกว่า 300 กิโล

กก.2 บก.สส.สตม.จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 7 คน โดยมี MR.ANH VU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี, MR.MANH DUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี, MR.TIEN DUY (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี, MR.LAM NHAT (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี, MRS.THI LINH (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี, MR.MINH HIEU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี, MR.THANH HUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ จำนวน 300.25 กิโลกรัม รวมมูลค่า 3,002,500 บาท, เครื่องชั่งดิจิทัล จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องนับธนบัตร จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องซีลบรรจุภัณฑ์ จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องซีลสุญญากาศ จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดี สถานที่จับกุม บ้านพักในซอยลาดพร้าว 107 กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03:15 น.กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับการประสานจาก กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก MS.NGUYEN อายุ 27 สัญชาติเวียดนาม โดยการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือของตนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 ว่าไม่ประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการเดินทางในครั้งนี้ ตนได้เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้สอบถาม MS.NGUYEN แจ้งว่าได้รับการชักชวนจากเพื่อนหญิงชาวเวียดนามใน Facebook ชื่อ sam ทราบภายหลังว่าชื่อ MS.LUONG ได้ชักชวนให้ไปเที่ยวที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังจึงทราบว่าเป็นการหลอกลวงให้ไปทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ มีหน้าที่แปลภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน เป็นคนสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และคนสัญชาติจีน จำนวน 2 คน ได้แก่ MR.PENG (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และ MR.JUNJIAN (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี โดยคนจีนทั้ง 2 คนนั้น เป็นคนจัดการเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินจากเวียดนามไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมา MS.NGUYEN แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าขณะที่ตนพร้อมเพื่อนชาวเวียดนามทั้งหมด อยู่ที่กรุงมะนิลา MR.JUNJIAN ได้ยึดหนังสือเดินทางของพวกตนไว้ จะให้พวกตนถือหนังสือเดินทางต่อเมื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น ต่อมาตนและเพื่อนชาวเวียดนาม ทราบจากการพูดคุยว่าคนจีนทั้งสองคน จะนำพวกตนไปส่งขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ไปส่งที่ อ.แม่สอด จว.ตาก เพื่อข้ามฝั่งไปยังประเทศเมียนมา เมื่อทราบดังนั้นจึงตัดสินใจพิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือจากหน้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าตรวจสอบพบว่า MR.MANH DUNG ได้รับการตรวจอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว และยังไม่ทราบถึงความปลอดภัยดีหรือไม่เนื่องจาก MR.MANH DUNG ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ เช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.10 น.รถแท็กซี่สีเขียว ได้ไปส่ง MR.MANH DUNG ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 107 ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น เนื้อที่ประมาณ 100 ตรว. กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลอาญา ผลการตรวจค้นพบ MR.ANH VU แสดงตนเป็นผู้ครอบครองบ้าน และภายในบ้านยังพบ MR.MANH DUNG ที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ MR.TIEN DUY, MR.LAM NHAT, MRS.THI LINH, MR.MINH HIEU, MR.THANH HUN และพบช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ จำนวน 300.25 กิโลกรัม พร้อมของกลางอีก 4 รายการ จึงได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบช่อกัญชาดังกล่าว โดย MR.ANH VU ได้นำใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้ามาแสดง เจ้าหน้าที่ฯ ได้ตรวจสอบใบอนุญาตดังกล่าวพบว่าเป็นใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า โดยผู้รับใบอนุญาต ได้แก่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งใบอนุญาตฯ ดังกล่าวมีเลขที่ตั้งไม่ตรงกับ บ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมทั้ง 7 คน ดำเนินคดีต่อไป

ผู้สนับสนุน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า