พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุม แก๊งปล้นทรัพย์นักเทรดอังกฤษ และ รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุม แก๊งปล้นทรัพย์นักเทรดอังกฤษ และ รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุม แก๊งปล้นทรัพย์นักเทรดอังกฤษ และ รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง

เมื่อเวลา 11:00 น.วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องสวนพลู (ห้องแถลงข่าว) ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก. สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ. บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม.และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติงานตามนโยบายของ สานักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สานักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามา แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
และในวันนี้ ทาง สตม.ได้แถลงผลจับกุมต่างด้าวที่กระทำผิดกฏหมาย 2 คดี มีดังนี้
[ คดีที่ 1 ] จับยกแก๊งปล้นทรัพย์นักเทรดอังกฤษ
กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ จำนวน 3 ราย ดังนี้


1. MR.ABDULLAHI (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี สัญชาติเดนมาร์ก
2. MR.MOHAMED (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี สัญชาติบริติช
3. MR.SAEED (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี สัญชาติบริติช
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ กระทำความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ ให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทาง สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สถานที่จับกุม MR.ABDULLAHI จับที่หน้าโรงแรมในย่าน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี MR.MOHAMED และ MR.SAEED จับที่ POOLVILLA ในย่านถนนเทพประสิทธิ์ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
จากกรณีได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ว่าเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2567 เวลาประมาณ 02:00 น. ผู้เสียหายได้ถูก MR.ABDULLAHI พร้อมกับพวกรวม 5 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายและเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป ได้แก่ นาฬิกายี่ห้อ Audemars piguet 1 เรือน, นาฬิกายี่ห้อ Rolex 1 เรือน และทรัพย์สินอื่น รวมมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท เหตุเกิดที่ ห้องพักในแมนชั่นย่าน ถนนพระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติออกหมายจับนาย MR.ABDULLAHI, MR.MOHAMED, MR.SAEED, MISS SUMYA (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี สัญชาติบริติช และหญิงชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้นำข้อมูลผู้ต้องหาบันทึกไว้ในบัญชีเฝ้าดูในระบบสารสนเทศ ตม. และทำการสืบสวนติดตาม หาตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย จนทราบว่า MR.ABDULLAHI, MR.MOHAMED และ MR.SAEED หลังจากก่อเหตุได้หลบหนี ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.คลองตัน ไปสืบสวนหาตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย จนกระทั่งทราบว่า MR.ABDULLAHI พักอาศัยที่ โรงแรมในย่าน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชลบุรี และ MR.MOHAMED กับ MR. SAEED พักอาศัยที่ POOLVILLA ในย่านถนนเทพประสิทธิ์ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงเข้าทำการจับกุมดังกล่าว นอกจากนี้ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ยังได้ตรวจพบว่า MISS SUMYA ผู้ต้องหาตามหมายจับจะเดินทางออกจาก ประเทศไทยไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย จากการตรวจค้นกระเป๋าเดินทางพบช่อดอกกัญชาบรรจุในถุงสุญญากาศ ขนาด 500 กรัม จำนวน 50 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 25 กิโลกรัม จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และ ป.ป.ส. ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับกุมในความผิดฐาน พยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสมุนไพรควบคุม (ช่อดอกกัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร ตามกฎหมายศุลกากร มาตรา 242 มาตรา 166 มาตรา 167 และมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน จะได้ดำเนินการตามหมายจับต่อไป
[ คดีที่ 2 ] รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง หลอกลวงเหยื่อให้ร่วมลงทุน มูล ค่าความ เสียหายกว่า 3 ล้าน


กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุม MR.U WIN (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลแขวง ดุสิต ที่ จ.79/2567 ลงวันที่ 14 พ.ค.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณหน้าโรงแรมย่านถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ
จากกรณีที่ แก๊งชาวเมียนมา ประกอบด้วย MR.U WIN (นามสมมติ), MR.THAW TE (นามสมมุติ), MRS.CHO LIN อ้างว่าเป็นนักธุรกิจซื้อขายทองคำในประเทศเมียนมา มีฐานะร่ำรวยมาก ต้องการซื้อทองคำจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อ ได้พูดจาหว่านล้อมผู้เสียหายพร้อมทั้งยืนยันให้ความเชื่อมั่น หลังจากนั้นได้หลอกลวงให้ผู้เสียหาย เป็นผู้ติดต่อประสานงานในการซื้อทองคำจากคลังทองคำ ที่ห้างทองในย่านเยาวราช และเพื่อเป็นหลักประกันว่ามีทองคำ ในคลังทองคำอยู่จริง MR.U WIN กับพวกได้หลอกลวงผู้เสียหายให้วางเงินเป็นหลักประกันทองคำดังกล่าว และยืนยันว่า หากคลังทองคำขายทองคำให้ จะคืนเงินที่ผู้เสียหายวางเป็นหลักประกันคืน จนผู้เสียหายหลงเชื่อส่งมอบเงินหลักประกัน ให้จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,135,000 บาท ภายหลังคลังทองคำตกลงจะขายทองให้กับกลุ่มดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏ ว่า MR.U WIN กับพวก ไม่มีเงินซื้อทองคำ และไม่คืนเงินที่ผู้เสียหายได้วางไว้เป็นหลักประกัน ผู้เสียหายทวงถามให้คืนเงิน โดยไม่สามารถติดต่อ MR.U WIN กับพวก ได้อีกเลย ซึ่งทราบว่ากลุ่มแก๊งชาวเมียนมา ทั้ง 3 ราย ได้หลบหนีเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ซึ่งต่อมาพนักงาน สอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลแขวงดุสิต ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ จำนวน 3 ราย กก.ปอพ. บก.สส.สตม. จึงได้ประสานข้อมูลกับ สน.พญาไท เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา จนกระทั่งทราบว่า MR.U WIN หนึ่งในแก๊งชาวเมียนมาดังกล่าว ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย และได้หลบหนีหมายจับไปพักอาศัยอยู่ในท้องที่ จว.นนทบุรี และในท้องที่ บก.น.2 จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตาม กฎหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
# สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ผู้สนับสนุน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า