ตำรวจสอบสวนกลาง บก.ทล.5.กก.1 บก.ทล.(เพชรบูรณ์) จับหม่องลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย เตรียมเผ่นกลับ แต่ถูกจับเสียก่อน

ตำรวจสอบสวนกลาง บก.ทล.5.กก.1 บก.ทล.(เพชรบูรณ์) จับหม่องลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย เตรียมเผ่นกลับ แต่ถูกจับเสียก่อน

ตำรวจสอบสวนกลาง บก.ทล.5.กก.1 บก.ทล.(เพชรบูรณ์) จับหม่องลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย เตรียมเผ่นกลับ แต่ถูกจับเสียก่อน

เมื่อเวลา 00:30 น.วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2567 ณ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงพิจิตร สี่แยกปลวกสูง กม.91 ทล.117 ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้พบรถต้องสงสัยเป็นรถโดยสารประจำทาง ยี่ห้อ VOLVO สีขาวคาดฟ้า หมายเลขทะเบียน 16-8545 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ทางสายลับได้แจ้งมา
จากการอำนวยการของ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท.รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง ผกก.1 บก.ทล, พ.ต.ท.วรบดินทร์ เลิศศุภสินสถิต สว.ส.ทล.5 กก.1 บก.ทล. ให้กวดขันผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ต่างๆ และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ บนทางหลวงและการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายสายลับ (ขอปิดนามและขอรับเงินรางวัลในการแจ้งจับในครั้งนี้) ได้แจ้งว่าจะมีรถโดยสารประจำทางขนแรงงานต่างด้าว โดยเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าออกสู่จังหวัดเชียงราย โดยใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 117 ผ่านเขตจังหวัดพิจิตร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเห็นดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและได้ให้สัญญาณไฟวับวาบกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงไชเรนส์ รวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกให้รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวให้หยุด เมื่อรถคันดังกล่าวหยุด เจ้าหน้าที่ตำวจชุดจับกุมจึงได้ แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบทราบชื่อผู้ขับขี่คือนายณรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี อยู่ที่หมู่ 1 ตำบลหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา (พนักงานขับรถคนที่ 1) และนายนายณรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อยู่ที่หมู่ 9 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร (พนักงานขับรถคนที่ 2) โดยมีผู้ถูกจับที่นั่งโดยสารมากับรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญผู้ถูกจับ 1-15 และรถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงพิจิตร ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตรพบว่าผู้ถูกจับที่ 3-15 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 1-2 ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายหน้า (ชื่อนางไม่ทราบ ชื่อ – นามสกุลจริง) คนละ 1,300 บาท ต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน ให้ไปรับแรงงานต่างด้าว (ผู้ถูกจับที่ 3-15) ที่ บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขารังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยปลายทางจะให้ไปส่ง (ผู้ถูกจับที่ 3-15) ที่สถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย ผู้ถูกจับที่ 1-2 ยังรับต่อว่าตนเอง ได้ขับขี่รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริงและตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือ เอกสารแทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง (จังหวัดเชียงราย) โดยกระทำการแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบและจับกุม จากนั้นได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 15 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาร์ (ผู้ถูกจับที่ 3) ซึ่งสามารถสื่อสารภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ให้การยอมรับว่า ตนเองพร้อมพวก จำนวน 13 คน ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ และได้เดินทางเข้ามาหางานในกรุงเทพมหานครฯ โดยขาเข้ามาเสียค่าใช้จ่ายคนละ 15,000 บาท แต่ตนเองพร้อมพวกไม่สามารถหางานทำได้จึงได้ลักลอบหนีเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด (ประเทศเมียนมาร์ โดยเที่ยวกลับตนเองพร้อมพวกได้เสียค่าใช้จ่ายต่อคน คนละ 6,500 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1-2 ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ผู้ถูกจับที่ 3-15 เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไมได้รับอนุญาต และได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางและบันทึกการจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวชิรบารมี ภ.จว.พิจิตร พร้อมกันนี้เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายประจำสำนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรทราบฯ ถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและสิทธิข้างต้นแล้วเบื้องต้นให้การ ผู้ถูกจับที่ 1-2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 3-15 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในการควบคุมตัวผู้ถูกจับ เจ้าพนักงานผู้จับกุมได้ทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมผู้ถูกจับในชั้นจับกุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เป็นลำดับต่อไป
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม รวม 15 ราย มีดังนี้
1. นายณรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ที่อยู่หมู่ 1 ตำบลหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมาสัญชาติ ไทย
2. นายณรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ที่อยู่หมู่ 9 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
สัญชาติ ไทย
3. Miss. Lo Ma
( นางสาวโลมา ) อายุ 34 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
4. Mr.Hun Sing Ong
(นายหุ่นชิอ่อง ) อายุ 29 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
5. Mr.Ameto
( นายอะมีโท ) อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมาร์
6. Mr.Ting อายุ 21 ปี
( นายทิง )สัญชาติ เมียนมาร์
7. Mr.Yang Sa Rin
(นาย เยง ซาริน ) อายุ 35 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
8. Mr.So Ong
( นายโซอ่อง ) อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมาร์
9. Mr.Year Ni Su
( นายเยียใน อายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมาร์
10. Mr.Hun Soo
( นายฮวนเสาะ ) อายุ 41 ปี สัญชาติ เมียนมาร์
11. Miss.Sud Ta Na 00 ( นางสาวยัดตะนาอู ) อายุ 26 ปี สัญชาติ เมียนมาร์
12. Miss.Nong
(นางสาวน้อง ) อายุ 29 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
13. Miss. Tee A Doo
(นางสาวตีดาอู) อายุ 25 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
14. Miss.Nong Ruk
(นางสาวน้องรัก ) อายุ 18 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์
15. Miss. Yun Uu Gee
(นางสาวยูนยุจี ) อายุ 47 ปี
สัญชาติ เมียนมาร์

ขอขอบคุณผู้สนับสนุน


คุณ ศุภผล จริงจิตร


ผอ.ภ.6 นิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน รายงาน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า