พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมต่างด้าวทำผิดกฏหมาย 4 คดี
เมื่อเวลา 10:30 น.วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องสวนพลู (ห้องแถลงข่าว) ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมคณะทำงานร่วมแถลงผลจับกุมต่างด้าวที่ทำผิดกฏหมายถึง 4 คดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้
[ คดีที่ 1 ] รวบโอปป้าทรงเอ แก๊งค์ค้ายาข้ามชาติ แอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ มากบดานพัทยา
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า MR.HUN (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้ถูกทางการไทยส่งกลับประเทศเนื่องจากถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จึงตกเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ได้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และมาพักอาศัยในเมืองพัทยาประมาณ 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนหาข่าวเพิ่มเติมเพื่อวางแผนจับกุม จนทราบว่า MR.HUN พักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งบริเวณ ถนนพัทยาสาย 3 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้เข้าตรวจสอบพบ MR.HUN อยู่บริเวณอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบรอยตราประทับการตรวจอนุญาตให้เข้ามาในประเทศ (รอยตราประทับขาเข้า) และตรวจสอบจากระบบสารสนเทศ ตม.ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศ จากการสอบถาม MR.HUN รับว่าได้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เมื่อตรวจค้นในห้องพักพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนหนึ่ง จึงได้ตรวจปัสสาวะของ MR.HUN ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกาย โดย MR.HUN ให้การว่าอุปกรณ์การเสพยาเสพติดดังกล่าวเป็นของหญิงไทยที่เคยมาพักด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี ยังพบข้อมูลว่า MR.HUN มีพฤติการณ์ส่งยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลี โดยจะเป็นผู้จัดหายาเสพติดที่ประเทศไทย เพื่อให้คนเกาหลีมารับยาเสพติด และซุกซ่อนกลับไปที่ประเทศเกาหลี ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับคดีลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศเกาหลี ได้ให้การซัดทอดว่ารับยาเสพติดมาจาก MR.HUN เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี จึงได้จับกุม MR.HUN ในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทาง เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
[ คดีที่ 2 ] ทลายเครือข่ายต่างด้าวแสบ รวบตัว 5 ผู้ต้องหาหลอกลงทุน Crypto Currency ซื้ออสังหาฯ หวังฟอกเงิน
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2566 มีกลุ่มแก๊งค์คนต่างด้าว ได้ร่วมกับชาวไทยกลุ่มหนึ่ง หลอกลวงนางสาวมัลลิกา (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ให้ลงทุนเทรดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี โดยได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) ใช้ชื่อห้องคุยนักลงทุน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แนะนำการลงทุนในการเทรดหุ้น ซึ่งได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายจึงเข้าไปพูดคุยและสนใจ เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายสนใจ จึงได้ติดต่อมาทางแอปพลิเคชันไลน์ และหลอกล่อจนกระทั่งผู้เสียหายยอมโอนเงินไปให้หลายครั้ง หลายบัญชี โดยคนร้ายจะมีการพูดหลอกล่อ เช่น ต้องค้างเงินไว้ในพอร์ตเป็นเวลาขั้นต่ำกี่วัน หรือต้องมีการโอนเพิ่มเพื่อให้สามารถทำการเทรดโดยใช้ leverage ได้ เมื่อผู้เสียหายเทรดได้กำไร มีการโอนผลกำไรกลับไปบางส่วน เป็นต้น ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทั้งนี้รวมยอดความเสียหายที่ผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก โดยจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาแก๊งค์นี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานตั้งแต่ระดับ สั่งการจนถึงบัญชีม้า โดยมีดังนี้
(ผู้ต้องหาที่ 1) นายมูน ชาวกัมพูชา
(ผู้ต้องหาที่ 2) นายโก ชาวเมียนมา ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า รับโอนเงินต่อกัน โดยได้รับการชักชวนจากนายหน้าชาวเมียนมาอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะมีการโอนเงินไปยัง
(ผู้ต้องหาที่ 3) นายวิน นักธุรกิจ ชาวเมียนมา ซึ่งเปิดบริษัททำธุรกิจบังหน้าในประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง ก่อนที่จะมีการโอนเงินไปให้
(ผู้ต้องหาที่ 4) นางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา ที่ทำหน้าที่รับยอดเงินรวม ก่อนจะมีการนำไปรวมกับบัญชีของ
(ผู้ต้องหาที่ 5) นางสาวถ่วย หญิงชาวเมียนมา เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูย่านพระราม 9 มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด และขายต่อให้บุคคลที่สามชาวเมียนมาทันที พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ชุดสืบสวน กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าวเรื่อยมา จนสามารถจับกุม นายโก ชาวเมียนมา ได้ที่บ้านพักส่วนตัว จว.ปทุมธานี จับกุมนายมูน ชาวกัมพูชา ได้ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จว.สระบุรี หลังสืบทราบว่าได้มีการหลบหนีไปสมัครงานที่โรงงานดังกล่าว จับกุมนางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา ที่คอนโดมิเนียมหรู ริม ถ.รัชดาภิเษก จับกุมนางสาวถ่วย ชาวเมียนมา ขณะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อจะมาจัดการทรัพย์สิน และจับกุมนายวิน นักธุรกิจชาวเมียนมา ขณะเดินอยู่ที่บริเวณริม ถ.ราชดำริ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบปากคำนายโก นายมูน และ นางสาวซาน ยังนำไปสู่การออกหมายจับบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาอีกหนึ่งรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างสืบสวนจับกุม และจะได้ขยายผลสืบสวนจับกุมต่อไป
[ คดีที่ 3 ] รวบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตาน้ำข้าว หนีคดีข้ามชาติ ก่อความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท กบดานพัทยา OVER STAY
กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติสวีเดน ซึ่งกระทำผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทย กว่า 50,000,000 บาท ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนหาข่าว โดยขณะที่ชุดจับกุมได้ไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าอาคารชุดในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ได้พบคนต่างด้าวลักษณะมีพิรุธอยู่บริเวณหน้าอาคารชุด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบพบ MR.JOHN (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี สัญชาติสวีเดน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของ MR.JOHN พบ MR.VLADIS (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) เช่นเดียวกัน จึงได้จับกุมในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบกับทางการสวีเดน รับแจ้งว่า ทั้ง MR.JOHN และ MR.VLADIS มีประวัติกระทำความผิดอาญาในประเทศสวีเดน ในความผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายกว่า 50,000,000 บาท
[ คดีที่ 4 ] รวบอดีตทหารรับจ้างรัสเซียส่งข้อความขู่ฆ่าคู่อริ ยึดแม็กกาซีนและเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดนับร้อยนัด
กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม MR. MILO (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมด้วยของกลาง ซองกระสุนปืนพกขนาด.380 จำนวน 1 ซอง พร้อมกระสุนบรรจุ จำนวน 2 นัด, กระสุนปืนขนาด.380 ยี่ห้อบุลเล็ท มาสเตอร์ จำนวน 50 นัด, กระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 42 นัด, กระสุนปืนขนาด.45 มม.จำนวน 16 นัด โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ว่าถูกชายชาวรัสเซียซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ใช้ภาพอาวุธปืนและส่งข้อความข่มขู่ว่าจะยิงทีละคนจนกว่าเขาจะตาย และจะสาดเลือดหมูใส่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนจับกุม จากการสืบสวนพบว่าชายชาวรัสเซียคนดังกล่าวคือ MR. MILO (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 128
กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ MR.MILO และพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องสีเทาข้างตู้เสื้อผ้า โดย MR.MILO ให้การว่าอดีตเคยเป็นทหารรับจ้างของประเทศรัสเซีย ซองกระสุนและเครื่องกระสุนของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เป็นของเพื่อนคนไทยจำชื่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
# สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ผู้สนับสนุน