ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำการรับมือเตรียมรีเอ๊กซเรย์ชุมชนชายแดนอีกรอบ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด – 19
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวยอมรับว่า โควิด -19 เมียนมาแพร่กระจายถึงรัฐฉานของ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาแล้ว แต่ยังเป็นการโชคดีของภาคตะวันออกรัฐฉานที่ติดกับไทย จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ พร้อมกันนี้ ได้สั่งให้มีการรีเอ๊กซเรย์ชุมชนชายแดน และตรวจสอบบุคคลในชุมชนอย่างละเอียดอีกรอบ
โดยในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ย.2563 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ผู้บังคับบัญชาในฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
โดยภารกิจครั้งนี้ ได้ตรวจเยี่ยมประจำจุดตรวจจุดสกัดยาเสพติด ซึ่งปัจจุบันถูกมอบหมายภารกิจให้สกัดแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา อาจจะนำพาโควิดสายพันธุ์ใหม่เข้ามาในพื้นที่ รวมทั้ง ตรวจคัดกรองสุ่มวัดอุณหภูมิร่างกายบุคคลที่เดินทางด้วย โดยเริ่มจากด่านกิ่วทัพยั้ง ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน ขึ้นไปทางเหนือที่อำเภอแม่สาย ทั้งด่านถ้ำปลา ตำบลโป่งผา จุดผ่อนปรนหัวฝาย ตำบลเวียงพางคำ ด่านตรวจชุมชนเกาะทราย ตำบลแม่สาย ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 และจุดผ่อนปรนที่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย โดยทุกจุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีการเน้นย้ำให้ฝ่ายปกครองและชุดรักษาความสงบหมู่บ้าน (ชรบ.) บูรณาการในการตรวจตรา โดยประสานกับกองกำลังคุ้มกันชายแดนให้มากยิ่งขึ้น
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมายังมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เล็ดลอดสายตากองกำลังคุ้มกันชายแดนเข้ามาในพื้นที่ได้เป็นระยะ ๆ จากนี้ไปต้องเข้มงวดกวดขันกันให้มากยิ่งขึ้น โดยจะบูรณาการให้เครือข่าวสาธารณสุข หรือ อสม. ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. สแกนบุคคลในหมู่บ้านชุมชนชายแดนทั้งหมดอีกครั้ง ด้วยการทำกันแบบเข้มงวด หรือรีเอ๊กซเรย์บุคคลกันใหม่อีกรอบ อย่าให้มีการลักลอบเข้ามาโดยเด็ดขาด
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้กล่าวอีกว่า จากการประสานกับทางจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทราบว่าโควิดเข้ามาถึงรัฐฉานแล้ว แต่รัฐฉานตะวันออกพื้นที่ที่ติดกับประเทศไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อ จึงฝากไปถึงแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบข้ามแดนเข้ามาในประเทศไทย ทางการทั้งไทยและเมียนมาเข้าใจว่า ต้องการเข้ามาทำงานประกอบอาชีพหารายได้ ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติจะไม่มีใครขัดขวาง แต่ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ปกติ โควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ในทุกมุมโลก หากท่านเป็นผู้นำเชื้อโรคมาเผยแพร่ให้คนอื่น ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหลักมนุษยธรรมอย่างยิ่ง และอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อมนุษย์และทรัพยากรสำคัญของโลกอีกด้วย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
คุณ มนู พุทธิมูล
หัวหน้าข่าว ภ.5 นิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน รายงาน
